ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข่าว"ซิตี้กรุ๊ป"ทำกำไร หนุนดาวโจนส์ปิดพุ่ง 379.44 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 11, 2009 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 370 จุดเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) ขานรับข่าวที่ว่าซิตี้กรุ๊ปสามารถทำกำไรได้ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ปีนี้ และเชื่อมั่นว่าธนาคารจะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาสแรก ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคักและทำให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินลดน้อยลงด้วย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 379.44 จุด หรือ 5.80% แตะ 6,926.49 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 43.07 จุด หรือ 6.37% แตะ 719.60 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 89.64 จุด หรือ 7.07% แตะ 1,358.28 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 2.19 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 14 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.39 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับนายวิกรม บัณฑิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ที่เชื่อมั่นว่า ซิตี้กรุ๊ปจะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากที่ธนาคารสามารถทำกำไรได้ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.-ก.พ. ซึ่งเป็นกำไรก่อนการตัดหนี้เสียหรือลดมูลค่าทรัพย์สินในบัญชี

นายบัณฑิตได้เขียนถึงพนักงานซิตี้กรุ๊ปว่า ธุรกิจของธนาคารตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้แข็งแกร่ง โดยธนาคารสามารถทำกำไรได้ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ และกำลังจะมีผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีที่สุดนับตั้งไตรมาสสามของปี 2550 หลังจากซิตี้กรุ๊ปประสบกับภาวะผลประกอบการขาดทุนเป็นมูลค่ารวมกว่า 3.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงห้าไตรมาส โดยไตรมาสหลังสุดที่ธนาคารมีกำไรคือไตรมาสสามปี 2550 ด้วยผลกำไร 2.1 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเมื่อวานนี้ว่า "บริษัทยักษ์ใหญ่ หรือ กลุ่มบริษัทที่ใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้มนั้น จำเป็นต้องได้รับการกำกับดูแลที่เข้มงวดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง" ซึ่งการแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้สอดคล้องกับการที่รัฐบาลสหรัฐและสภาคองเกรสเตรียม "ยกเครื่อง" ยุทธศาสตร์ต่างๆที่จะนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ รี๊ด นักวิเคราะห์จาก Rady Asset Management กล่าวว่า "ข่าวในด้านบวกจากซิตี้กรุ๊ปไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐกำลังจะหมดไป และแถลงการณ์ของนายบัณฑิตช่วยกระตุ้นภาวะการซื้อขายให้คึกคักเพียงระยะสั้นๆ เนื่องจากปัญหาในระบบการเงินของสหรัฐจะต้องใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็กำลังเร่งดำเนินการอยู่"

ศาสตราจารย์ นูเรียล รูบินี แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์กซึ่งเคยคาดการณ์ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์การเงินโลก คาดว่า ดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะร่วงลงแตะระดับ 600 จุดหรือต่ำกว่านั้นในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรงขึ้น พร้อมกล่าวว่าแม้รัฐบาลจะพยายามงัดยุทธศาสตร์ทั้งในด้านการเงินและการคลังมาใช้ แต่สหรัฐยังต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจนถึงปลายปีนี้หรืออาจบานปลายจนถึงปีหน้า" รูบินีกล่าว

วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังและเจ้าของบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ อิงค์ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า เศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในภาวะ "ดิ่งเหว" เนื่องจากตัวเลขว่างงานพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และท้ายที่สุดจะถูกกระทบจากภาวะเงินเฟ้ออันเป็นผลมาจากวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ข่าวการทำกำไรของซิตี้กรุ๊ปช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้น โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดพุ่ง 38% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 27.7% และหุ้นเจพีมอร์แกนพ่งขึ้น 22.6%

ส่วนหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดีดขึ้น 19.7% หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์พุ่งขึ้น 10.8% หุ้นอินเทล คอร์ป พุ่งขึ้น 10.9% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ดีดขึ้น 7.5%



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ