ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นกว่า 170 จุดเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากผู้บริหารซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยว่าธนาคารสามารถทำกำไรได้ในเดือนม.ค.-ก.พ.และคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่ง 172.83 จุด หรือ 4.88% แตะที่ 3,715.23 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,516.30-3,726.31 จุด
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินหลังจากนายวิกรม บัณฑิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ แถลงต่อพนักงานในองค์กรว่า ซิตี้กรุ๊ปจะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากที่ธนาคารสามารถทำกำไรได้ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.-ก.พ. หลังจากซิตี้กรุ๊ปประสบกับภาวะผลประกอบการขาดทุนเป็นมูลค่ารวมกว่า 3.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงห้าไตรมาส โดยไตรมาสหลังสุดที่ธนาคารมีกำไรคือไตรมาสสามปี 2550 ด้วยผลกำไร 2.1 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หุ้นบาร์เคลย์สทะยานขึ้น 9.9% หุ้นธนาคาร HSBC ดีดขึ้น 14% ส่วนหุ้นลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป, รอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดพุ่งขึ้น 8-16.3%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเมื่อวานนี้ว่า "บริษัทยักษ์ใหญ่ หรือ กลุ่มบริษัทที่ใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้มนั้น จำเป็นต้องได้รับการกำกับดูแลที่เข้มงวดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง" ซึ่งการแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้สอดคล้องกับการที่รัฐบาลสหรัฐและสภาคองเกรสเตรียม "ยกเครื่อง" ยุทธศาสตร์ต่างๆที่จะนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
เบอร์นันเก้ยังกล่าวด้วยว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐจะสิ้นสุดลงภายในปีนี้ หากรัฐบาลประสบความสำเร็จในการให้ความช่วยเหลือภาคเอกชน และคาดว่าตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จะกลับมามีภาวะการซื้อขายที่คึกคักเช่นเดิม