บมจ. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) คาดว่าอัตราการใช้น้ำมันในธุรกิจการบินในปี 52 น่าจะลดลงจากปี 51 โดยคาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันจะลดลง 2% จากปีก่อนที่มีปริมาณการเติม 4.3 พันล้านลิตร จากผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีต่อธุรกิจการบิน ซึ่งทำให้บริษัทหันมาควบคุมค่าใช้จ่าย เบื้องต้นจะมีการลดเงินเดือนพนักงานทั้งระดับฝ่ายบริหารและระดับทั่วไปประมาณ 5-20% รวมทั้งตัดงบลงทุนจาก 20 ล้านบาทเหลือ 15 ล้านบาทในปีนี้
ขณะที่บริษัทจะพยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานไม่ต่ำกว่า 85% และขณะนี้มีคู่ค้าน้ำมันอากาศยานเพิ่มเข้ามาอีก 1 ราย คือ บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ส่งผลให้คู่ค้าน้ำมันอากาศที่ผ่านการให้บริการของบริษัทเพิ่มเป็น 10 ราย โดยบริษัทจะเสนอให้ BCP เข้ามาถือหุ้นราว 2% โดยซื้อหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์
ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ BAFS กล่าวว่า มีแนวโน้มที่จะมีกำไรลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 437 ล้านบาท ตามแนวโน้มปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันปีนี้คาดว่าจะลดลง 2% จากปี 51 ที่มีปริมาณ 4.3 พันล้านลิตร และส่งผลต่อรายได้ของบริษัทให้ลดลง 2% เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทพยายามบริหารความเสี่ยงและควบคุมค่าใช้จ่าย โดยมีการปรับลดเงินเดือนของพนักงานและผู้บริหาร 5-20% และปรับลดงบลงทุนในปีนี้เหลือเพียง 15 ล้านบาทจากเดิมที่ 20 ล้านบาท รวมถึงปรับลดเงินลงทุนตามแผน 5 ปี(2009-2013) เหลือไม่เกิน 20 ล้านบาท/ปี และจะให้บริษัทลูกคือ TARGO เป็นผู้ลงทุนแทนหากมีการลงทุนขนาดใหญ่แทน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนโครงการสุวรรณภูมิ เฟส 2
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่าปี 52 จะจ่ายปันผลได้ตามนโยบาย คือไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิและจะมีการจ่ายปันผลอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปีเช่นเดิม
"ปีนี้เรายังหวังว่าปริมาณการเติมน้ำมันจะลดลง 2% แม้ว่าไตรมาส 1 จะลดลง 14% ซึ่งว่าในช่วงครึ่งปีหลังในช่วงไฮซีซั่นจะเริ่มกลับมาเป็นบวก โดยในเดือนพ.ย.คาดว่าจะบวก 24% และ ธ.ค.จะบวก 31%" ม.ร.ว.ศุภดิศ กล่าว
ม.ร.ว.ศุภดิศ กล่าวว่า บริษัทจะเสนอให้ BCP เข้ามาถือหุ้นของบริษัทอย่างน้อยประมาณ 2% หลังตามกฎเกณฑ์ในการเข้ามาเป็นคู่ค้าน้ำมันร่วมกันเหมือนเช่นบริษัทอื่นๆ อาทิ บมจ.ปตท.(PTT) และ บริษัท ปิโตรนาส โดยจะให้ BCP ซื้อหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ ณ ราคาตลาด แต่เบื้องต้น BCPยังติดปัญหาจากการคัดค้านของ PTT ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จึงยังไม่ทราบว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าซื้อหุ้นได้เมื่อไหร่
ปัจจุบันทาง BCP ต้องจ่ายค่าพรีเมี่ยมการเป็นคู่ค้าน้ำมันสูงกว่ารายอื่น 50% เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น ดังนั้นตามกฎเกณฑ์ก็ควรจะให้มีการดำเนินการในเรื่องนี้
ส่วนการจะย้ายสนามบินดอนเมืองมาสุวรรณภูมิ ตามนโยบาย Single Airport ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากบริษัทมีคลังน้ำมันทั้ง 2 แห่ง แต่โดยหลักการแล้วเห็นว่าการมีสนามบิน 2 แห่งส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของประเทศชาติมากกว่าการใช้สนามบินแห่งเดียว และมองว่าการสัญจรทางอากาศไม่มีปัญหาในการใช้ 2 สนามบิน เนื่องจากเที่ยวบินในดอนเมืองส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเช้าและเย็น เนื่องจากเป็นเที่ยวบินในประเทศ ส่วนสุวรรณภูมิจะเป็นเที่ยวดึก