บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) คาดในปี 52 ธุรกิจจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิประมาณ 4 พันล้านบาท จากปีก่อนที่บริษัทขาดทุนถึง 1.8 หมื่นล้านบาท โดยมั่นใจปีนี้ไม่มีผลขาดทุนสต็อกสินค้าคงเหลือเหมือนปีก่อนที่ขาดทุนสต็อกสูงกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เพราะประเมินว่าราคาน้ำมันคงไม่ลงต่ำกว่า 40 เหรียญ/บาร์เรล คาดว่าระดับราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปี 52 น่าจะอยู่ที่ 40-50 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ค่าการกลั่นรวม(Integrated GRM) ซึ่งรวมธุรกิจการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีจะอยู่ที่ 7-10 เหรียญ/บาร์เรล จากปี 51 อยู่ที่ 7.4 เหรียญ/บาร์เรล
แต่ยอมรับในด้านรายได้ปีนี้จะลดลงจากปี 51 ที่มีรายได้ 2.45 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะมีรายได้ 167,716 ล้านบาท เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ทุกชนิดปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมัน แต่บริษัทจะยังรักษาระดับการกลั่นให้ทรงตัวเท่ากับปีก่อนที่ใช้กำลังการกลั่น 1.7 แสนบาร์เรล/วัน หรือใช้กำลังการผลิตประมาณ 80% ของกำลังการกลั่นที่มีอยู่ 2.15 แสนบาร์เรล/วัน
"ใน Budget ที่เราทำไว้จะมีกำไรสุทธิปีนี้ที่ประมาณ 4 พันล้านบาท ซึ่งจะโชว์ให้วันประชุมผู้ถือหุ้น ยังไงปีนี้ GRM ก็ต้องมากกว่าปีที่แล้ว แต่รายได้คงไม่มากกว่าปีที่แล้ว เพราะราคาน้ำมันดิบลง ทุกบริษัทยอดขายปีนี้จะลงหมด รายได้จะเพิ่มกว่าปีที่แล้วเป็นไปไม่ได้ unit price ลงหมด ราคาน้ำมันลงทุกอย่างก็ลงตาม แต่เพราะเราคิดว่ามาร์จิ้นโรงกลั่น หรือ มาร์จิ้นปิโตรเคมีก็ดี เราสามารถรักษาระดับเอาไว้ได้ ไม่ถึงกับ loss"นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ IRPC กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
"กำไร 4 พันล้าน ถามว่าเยอะไหม ไม่เยอะเมื่อเทียบกับยอดขายซึ่งผมคาดว่าจะได้แสนเศษ ในภาวะอย่างนี้อย่าคิดว่าดีนะ แต่เป็นระดับที่เอาตัวรอด"นายไพรินทร์ กล่าว
และระบุอีกว่า"เราคาดว่าจะบริหารให้มีมาร์จิ้นโรงกลั่นทรงตัว เพราะคาดว่าลักษณะธุรกิจน้ำมันออกมาลักษณะ sideway และเราคาดว่าเศรษฐกิจก็คงจะแย่ แต่ผลที่เราประมาณการไว้ บริษัทสามารถทำธุรกิจและพอมีกำไรบ้างเล็กน้อย คือถ้าได้มากกว่านี้ก็ถือว่าเฮง ทุกบริษัทก็บริหารแบบนี้จะไปหวังกำไรเป็นกอบเป็นกำคงจะไม่ได้ ปีนี้เราพยายามประคองตัวไปให้ได้"
สำหรับด้านการลงทุน ยังมี 3-4 โครงการของโครงการระยะที่ 2 ที่ต้องทบทวน หรือชะลอออกไปก่อน โดยเฉพาะโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมันตามาตรฐาน EURO IV ต้องขึ้นกับนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งโครงการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นและเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันจาก 2.15 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 2.58 แสนบาร์เรล/วัน และโครงการปรับปรุงท่าเรือ ต้องชะลอออกไปก่อน
ส่วนโครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกชนิด ABS/SAN อยู่ระหว่างรอประเมินอัตราผลตอบแทนการลงทุน หลังสภาพตลาดเปลี่ยนไป ซึ่งคาดว่าใน 2-3 เดือนนี้จะได้ข้อสรุปก็จะดำเนินโครงการต่อหรือไม่