บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) ในปี 52 คาดว่ารายได้จะปรับลดลง 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.4 พันล้านบาท และกำไรจะลดลงมากกว่า 10%จาก 402.90 ล้านบาทในปี 51 เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินลดลงถึง 20% และราคาขาย และบริษัทยังมีสต็อคคงค้างจากปีก่อน 3-5 แสนตัน มูลค่าประมาณ 900 ล้านบาท แต่ประเมินว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 63 เหรียญต่อตันถือว่าสูงกว่าราคาเฉลี่ยของสต็อกคงค้าง ทำให้บริษัทคาดว่าจะไม่ขาดทุนจากสต็อกคงค้างอีก เนื่องจากราคาต้นทุนซื้อล่วงหน้าจะต่ำกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ถ่านหินยังผันผวนสูงมาก ทำให้บริษัทยังมีความกังวลบ้างและถือเป็นปีที่มีความยากลำบากในการดำเนินกิจการเลยจะระมัดระวังการลงทุน โดยจะลงทุนเพียง 75 ล้านบาท จากปีก่อนที่ลงทุน 500 ล้านบาท
แต่หากการเจรจาลงทุนธุรกิจเหมืองในอินโดฯสามารถสรุปได้ในไตรมาส 3-4 ปีนี้ หลังคาดการณ์ว่าวิกฤติเศรษฐกิจจะเข้าสู่จุดต่ำสุด รวมถึงราคาถ่านหินจะทำให้การซื้อถ่านหินได้ราคาที่เหมาะสม ไม่แพง โดยจะใช้เงินจากการขายสต็อก และกู้เงินบางส่วนมาใช้ในการลงทุน