ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค หลังจากบริษัท อินเตอร์เนชันแนล เพาเวอร์ ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทในปีนี้ อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ช่วยจำกัดการร่วงลงของตลาดเอาไว้ได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 21.42 จุด แตะที่ 3,693.81 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,652.01-3,763.24 จุด
คีธ โบว์แมน นักวิเคราะห์จากบริษัท Hargreaves Lansdown ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า "ตลาดหุ้นลอนดอนเคลื่อนตัวผันผวนมากเพราะถูกกระทบจากภาวะการซื้อขายที่ซบเซาในตลาดหุ้นนิวยอร์ก และแรงขายที่ส่งเข้ากระหน่ำหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค หลังจากอินเตอร์เนชันแนล เพาเวอร์ ปรับลดคาดการณ์ผลกำไร"
หุ้นอินเตอร์เนชันแนล เพาเวอร์ ดิ่งลง 5.5% ส่วนหุ้นเคร์น เอนเนอร์จี ร่วงลง 4% หลังจากบริษัทประกาศขายหุ้นกว่า 6.5%
อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ช่วยจำกัดการร่วงลงของตลาดเอาไว้ได้ โดยหุ้นริโอ ทินโต และหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้นกว่า 4% หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าตัวเลขการใช้จ่ายในโรงานและอสังหาริมทรัพย์ของจีนพุ่งขึ้นในปีนี้
รัฐบาลจีนเปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายของโรงงานและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พุ่งสูงขึ้น 26.5% หลังจากรัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนยอดการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในเขตเมืองเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.03 ล้านล้านหยวน หรือ 1.50 แสนล้านดอลลาร์ จากระดับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์บลูมเบิร์กคาดว่าจะอยู่ที่ 21.5%
นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน รับว่า ยอดขาดดุลการเงินในปีนี้อาจจะสูงเป็นประวัติการณ์ และตั้งเป้ายอดปล่อยกู้รายใหม่ๆสำหรับการสนับสนุนโครงการต่างๆไว้อย่างน้อย 5 ล้านล้านหยวน เพื่อส่งเสริมการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคให้เดินหน้าไปอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง รวมถึงโครงการการวางระบบสาธารณูปโภคและโครงการสร้างบ้าน