นายจุมพล เตชะไกรศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีกุรงไทย อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า บริษัทมีความกังวลว่ายอดขายในปี 52 อาจจะปรับตัวลดลงจากเป้าหมายที่วางไว้ที่ 850 ล้านบาท เนื่องจากยอดผลิตรถยนต์โดยรวมในปีนี้คาดว่าจะลดลง 23-24% หรือยู่ที่ 1.8 ล้านคัน จากปีก่อนที่ 1.4 ล้านคัน และเชื่อว่าจะเห็นภาวะการหดตัวของยอดผลิตรถยนต์ต่อไปอีก 2 ปี
และยอมรับว่า ในช่วง 2 เดือนทีผ่านมา(ม.ค.-ก.พ.) มียอดขายลดลง 30% ซึ่งมาจาการลดลงจากชิ้นส่วนรถยนต์ และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ในเดือนมี.ค.ออเดอร์เริ่มกลับมาดีขึ้น
พร้อมทั้งคาดว่ากำสุทธิในปี 52 จะต่ำกว่าปีก่อนที่มี 41.39 ล้านบาท แต่ในแง่อัตราเติบโตของกำไรสุทธิจะไม่ลดลง
แม้ยอดขายบริษัทจะลดลง แต่บริษัทจะพยายามสร้างกำไรเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยจะลดค่าใช้จ่าย และควบคุมประสิทธิภาพการทำงาน
"ถึงแม้ปีนี้ ยอดขายเราจะลดลง ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้จากภาพรวมรถยนต์ที่ลดลง แต่ในแง่ของกำไร ตั้งใจว่าปีนี้ยังดีอยู่ ซึ่งการปรับต้นทุนคงที่เป็นต้นทุนผันแปรจะช่วยเราได้มาก ซึ่งมองว่า กรณีที่เลวร้ายที่สุด ยอดขายจะลดลงไปที่ 700 ล้านบาทหรือลดลงไป 35% ก็ยังมั่นใจว่ามีกำไร" นายจุมพล กล่าว
ขณะที่ บริษัทได้หันมาศึกษาการผลิตชิ้นส่วนประเภทอุตสาหกรรมใหม่ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมรถยนต์ จักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยอุตสาหกรรมใหม่จะเป็นชิ้นส่วนประเภทพลาสติก ถึงแม้มาร์จิ้นไม่ดีมาก แต่ปริมาณขายจะไม่ลดลง ซึ่งคาดว่าจะสรุปออเดอร์จากชิ้นส่วนพลาสติกได้ในไตรมาส 2-3 หลังจากที่ได้เจรจากับลูกค้าในประเทศ 2 ราย และหากมียอดขายเข้ามามากอาจจะมีการลงทุนเพิ่ม "ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ กลยุทธ์เจาะลูกค้า คือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากรายอื่น มากกว่า การแข่งขันในเรื่องของราคา "
นายจุมพลยังเชื่อว่าในปี 52 บริษัทจะยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผล ไม่น้อยกว่า 40%ของกำไรสุทธิ ซึ่งในงวดปี 51 บริษัทจ่ายสูงกว่านโยบาย หรือคิดเป็นอัตราหุ้นละ 0.12 บาท