ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับปัจจัยบวกมากมาย รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ของสหรัฐที่ลดลงน้อยเกินคาด และข่าวที่ว่าแบงค์ ออฟ อเมริกา สามารถทำกำได้ในเดือนม.ค.-ก.พ.ปีนี้ เช่นเดียวกันเจพีมอร์แกนและซิตี้กรุ๊ป ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงเครียดในภาคการเงินของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 239.66 จุด หรือ 3.5% แตะที่ 7,170.06 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 29.38 จุด หรือ 4.1% แตะที่ 750.74 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่ง 54.46 จุด หรือ 4% แตะที่ 1,426.10 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.81 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนกว่า 10 ต่อ 1
ดอรีน มอกาเวโร นักวิเคราะห์จากบริษัท Mogavero, Lee & Co. ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เพราะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยบวกมากมาย รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ของสหรัฐที่ขยับลงเพียง 0.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 0.5%
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังขานรับข่าวที่แบงค์ ออฟ อเมริกา สามารถทำกำไรได้ในเดือนม.ค.-ก.พ., เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ยืนยันว่าในเบื้องต้นนั้นบริษัทยังไม่จำเป็นต้องกู้เงิน 2 พันล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐ, เจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ถูก S&P ปรับลดอันดับเครดิต แต่เป็นการปรับลดเพียงขั้นเดียวและไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดลงอีก และข่าวที่ว่าบริษัท ไฟเซอร์ ประสบความสำเร็จในการทดลองยาต้านเซลล์มะเร็ง
ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากนายเจมมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนที่ยืนยันว่า ธนาคารสามารถทำกำไรได้ในเดือนม.ค.-ก.พ. ซึ่งข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนายวิกรม บัณฑิต ซีอีโอซิตี้กรุ๊ป เชื่อมั่นว่า ซิตี้กรุ๊ปจะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากที่ธนาคารสามารถทำกำไรได้ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.-ก.พ.
อย่างไรก็ดี อดัม ยอร์ก นักเศรษฐศาสตร์จากวาโชเวีย คอร์ป ในนอร์ธแคโรไลน่า กล่าวว่า "ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าภาคการเงินของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นแล้ว เพราะระบบการเงินถูกกระทบอย่างหนักอย่างวิกฤตการณ์ในตลาดซับไพรม์และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ขณะที่ภาคครัวเรือนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคไม่ต้องการเสียเงินจำนวนมากเพื่อซื้อของในช่วงนี้ ซึ่งนั่นจะทำให้เศรษฐกิจยิ่งถดถอยนานขึ้นไปอีก"
เรียลตี้ แทรค รายงานยอดการยึดบ้านหลุดจำนองเดือนก.พ.ในสหรัฐพุ่งขึ้น 30% จากปีที่แล้ว แม้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป และแบงค์ ออฟ อเมริกา ออกนโยบายระงับการยึดบ้านหลุดจำนองไว้ชั่วคราว เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ต้องการลดจำนวนบ้านถูกยึด
รายงานยอดการยึดบ้านครั้งล่าสุดถือเป็นประเด็นท้าทายความสามารถของประธานาธิบดีโอบามาที่กำลังวางแผนให้ความช่วยเหลือลูกหนี้กว่า 9 ล้านคนให้สามารถรักษาบ้านเอาไว้ได้ โดยผ่านการรีไฟแนนซ์หรือกู้เงินโดยผ่อนชำระรายเดือนในอัตราที่ต่ำลง
โรช โฮลดิ้ง เอจี ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยารักษาโรคมะเร็งรายใหญ่ที่สุดในโลก ประสบความสำเร็จในการซื้อหุ้นที่เหลือของบริษัท เจเนนเทค อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทไบโอเทคโนโลยีของสหรัฐ ด้วยวงเงินถึง 4.68 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการยุติความพยายามที่จะเทคโอเวอร์ที่ใช้เวลานานถึง 8 เดือน และการเพิ่มวงเงินครั้งนี้ก็เป็นการเพิ่มวงเงินครั้งที่ 2
ทั้งนี้ หุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดพุ่ง 8.4% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกาปิดบวก 19% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปิดพุ่ง 17% และหุ้นเจพีมอร์แกน ดีดตัวขึ้น 14%
ส่วนหุ้นจีเอ็มปิดพุ่ง 17.2% หุ้นจีอีปิดทะยานขึ้นเกือบ 13% และหุ้นไฟเซอร์ทะยานขึ้นเกือบ 10%