นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แพรนด้า จิวเลรี่ (PRANDA) คาดว่า กำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าปีก่อน เพราะจากอัตรากำไรสุทธิที่ปีนี้ยังเชื่อว่าจะเติบโต 8-9% เนื่องจากมีการเพิ่มมูลค่าของสินค้า และมีการลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งไม่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
แต่ยอมรับว่าการเติบโตของบริษัท ในส่วนของรายได้คงจะปรับลดลง 10% จาก 4,030 ล้านบาท ในปี 51 ถือว่าเป็นการปรับลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะลดลงเพียง 5% เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อมีจำกัด
ประกอบกับราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะทองคำปรับตัวอยู่ในระดับสูง จงทำให้ลูกค้าระมัดระวัง ซื้อทองคำน้อยลงแล้วหันมาซื้อโลหะประเภทเงินมากขึ้น
สำหรับราคาทองคำเฉลี่ยทั้งปีประเมินว่าจะอยู่ที่ 978 เหรียญ/ออนซ์ ส่วนเงินจะอยู่ที่ 12 เหรียญ/ออนซ์ ทำให้บริษัทต้องพัฒนารูปแบบสินค้าประเภทเงินให้มีมูลค่ามากขึ้นเพื่อทดแทนแม้จะไม่มสามารถทดแทนได้ทั้งหมดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะการที่ออเดอร์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 20% จึงทำให้มองว่ารายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 52 อาจจะลดลง 10-15% ถึงแม้จะมีออเดอร์เริ่มทยอยเข้ามาแล้วในเดือนมี.ค.นี้บ้างก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม หวังว่าคำสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากการกระตุ้นการอัดฉีดเงินในแต่ละประเทศซึ่งจะทำให้กำลังซื้อกลับมา
นางสุนันทา กล่าวต่อว่า จากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทปรับแผนการทำตลาดส่งออกด้วยการหันไปเน้นตลาดเกิดใหม่ เช่น อินเดีย รัสเซีย ตะวันออกกลาง จีน มากขึ้น เพื่อทดแทนตลาดสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากตลาดเกิดใหม่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 30% จาก 25% ในปี 51 ขณะที่สัดส่วนในตลาดสหรัฐฯ ปีนี้จะลดลงเหลือ 38% จาก 42% จากปี 51
ส่วนรายได้จากตลาดแถบยุโรปและญี่ปุ่นจะยังใกล้เคียงปีก่อน คือ 30-31% และ 2% ตามลำดับ
ตลาดเกิดใหม่ถือเป็นแผนที่จะให้ความสำคัญในปีนี้ โดยเฉพาะตลาดอินเดียมีความต้องการสินค้าประเภททองคำมาก ยอดขายสินค้าประเภทนี้เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้เชื่อว่า พรีม่าโกลด์ ที่จะนำไปเจาะตลาดอินเดียจะเติบโต 100% ส่วนประเทศจีน จะมีการนำเอาแบรนด์ esse เป็นเครื่องประดับเงินผสมพลอย ซึ่งปีนี้จะมีเคาน์เตอร์ 15 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 10 สาขาในเมืองเสิ่นเจิ้น และอยู่ระหว่างการมองเมืองอื่นๆ ในประเทศจีนเพื่อทำตลาดเพิ่ม เช่นเดียวกับที่ยุโรปก็จะมีการนำเครื่องประดับเงินไปทำตลาดด้วย
ทั้งนี้ บริษัทวางแผนในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ 50%
"ในปีนี้ใครหวังเติบโต รายได้สูงๆ คงยาก รวมถึงเราด้วย ซึ่งการเติบโตลดลง 10% นั้นถือว่าดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมที่ติดลบถึง 20% ในปีนี้ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะหยุดพัฒนา แต่เราก็ยังลงทุนตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรหรือวัตถุดิบ แต่คงจะไม่เน้นการลงทุนขนาดใหญ่ๆ"นางสุนันทา กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ยืนยันจะไม่มีการลดคนงานที่มีอยู่ปัจจุบัน 3 พันราย