ดัชนีล่วงหน้าตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐปรับตัวลดลง ก่อนที่สหรัฐจะรายงานตัวเลขค้าปลีกและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่อาจสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เลวร้ายมากขึ้น ขณะที่ดัชนีซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงหลังทางการญี่ปุ่นยืนยันว่า เศรษฐกิจในประเทศหดตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2517
หุ้นบุลการีมีแนวโน้มดิ่งลงหลังจากที่บริษัทอัญมณีรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกแห่งนี้รายงานผลกำไรที่ตกต่ำหนักสุดในรอบทศวรรษ โดยรายได้ของบริษัทตกลง 89% แตะระดับ 5.7 ล้านยูโร (7.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ที่ 23.4 ล้านยูโร พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ประกาศลดส่วนแบ่งเงินปันผลลงด้วย
ขณะเดียวกันหุ้นโรช โฮลดิ้ง เอจีอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน หลังจากที่บริษัทได้เพิ่มข้อเสนอซื้อหุ้นที่เหลือของเจเนนเทค อิงค์ ซึ่งถือเป็นการยุติความพยายามในการเทคโอเวอร์กิจการที่กินเวลานานถึง 7 เดือนครึ่ง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 07.46 น.ตามเวลาลอนดอน ดัชนี Dow Jones Euro Stoxx 50 ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลง 1.3% สู่ระดับ 1,906 จุด ส่วนดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษคาดว่าจะเปิดทำการอ่อนตัวลง 36 จุด ขณะที่ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง 1.1%
นักวิเคราะห์คาดว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานตัวเลขค้าปลีกที่ส่อเค้าว่าจะซบเซาต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ในเดือนก.พ. เพราะตัวเลขว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นจะกดดันให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย ขณะเดียวกันก็มีกระแสคาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่า 600,000 ราย ซึ่งทำสถิติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี
"ตัวเลขค้าปลีกของสหรัฐมีอิทธิพลสำคัญในการส่งสัญญาซื้อขายหุ้นในระหว่างวัน" แมตต์ บัคแลนด์ เทรดเดอร์จากบริษัทซีเอ็มซี มาร์เกตส์ในลอนดอนกล่าว