นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์(L&E) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคงจะให้ความสำคัญในเรื่องของ cash flow ในการรักษาเงินสดมากกว่าการเน้นที่รายได้โดยเฉพาะในครึ่งปีแรก โดยยอดขายในไตรมาส 1 คงจะไม่สูงมากและอาจจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงไตรมาส 1 ปีก่อน ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ในส่วนของกำไรสุทธิคงจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ได้มีการลงทุนที่โชว์รูม ที่ล่าสุดได้เปิดโชว์รูมค้าปลีกแห่งใหม่ จำนวน 1 แห่ง ย่านถนนรัชดาภิเษก มีพื้นที่จำนวน 1,250 ตารางเมตร รวมถึงงานต่างประเทศที่ได้มีการเซ็นสัญญาไปแล้วในช่วงปลายปีสินค้าไม่ได้มาตรฐานทำให้ต้องมีการปรับปรุงใหม่
ส่วนกำไรทั้งปีก็ควรจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48 ล้านบาท เพราะบริษัทได้มีการปรับลดราคาสินค้าโดยเฉพาะสินค้าทั่วไปเพื่อให้ขายสินค้าได้เร็วและมากขึ้น
"ในปีนี้เราคงเน้นความปลอดภัยในแง่ของรายได้แต่ cash flow จะมาเน้นเป็นพิเศษได้กำไรน้อยหน่อยก็โอเคแล้วภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ซึ่ง cash flow ถือว่าจำเป็นรวมถึงการจ่ายปันผลงวดปี 51 ก็น้อยลง ก็เพื่อต้องการเอาเงินถือไว้เพื่อรองรับหากขลุกขลัก" นายปกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ แม้การรักษา cash flow จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่บริษัทก็ได้มีการลงทุนในการเปิดโชว์รูม ย่านถ.รัชดา ซึ่งจะช่วยเพิ่มการสร้างรายได้ โดยโชว์รูมดังกล่าวคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายในปีนี้และจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ประเมินว่าจะสร้างยอดขาย 80 ล้านบาทจากวงเงินที่ลงทุน 16 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในปีนี้ก็จะเน้นสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 4% จาก 2.6% ในปีก่อนโดยเฉพาะตลาดในแถบตะวันออกกลางและอาเซียน ขณะเดียวกันก็มองตลาดในแถบแอฟริกาถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่สามารถตกลงในเรื่องของราคาได้ ขณะที่ backlog ที่มีอยู่ 650 ล้านบาทในมือนั้นก็คงจะทยอยรับรู้ในไตรมาส 2 และ 3
นอกจากนี้ จะเพิ่มสัดส่วนในการขายส่งและขายปลีกในปีนี้เป็น 36-37% จากปีก่อน 33% โดยเฉพาะขายเข้าโครงการทั้งคอนโดฯ และโรงแรมยังไปได้ซึ่งจะมีเพียงเล็กน้อยที่ได้รับผลกระทบจากโรงงาน แต่สัดส่วนของโรงงานมีจำนวนน้อย