(เพิ่มเติม) ก.ล.ต.กล่าวโทษ"สุริยา ลาภวิสุทธิสิน"และผู้เกี่ยวข้องฐานยักยอกทรัพย์PICNI

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 13, 2009 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน พร้อมทั้งกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของ บมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) บริษัท สีลมแพลนเนอร์ จำกัด บริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด และผู้เกี่ยวข้อง รวม 12 ราย กรณีร่วมกันทุจริต ยักยอกเงิน และหุ้นบริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ PICNI

ก.ล.ต.ระบุว่า จากที่ PICNI ได้เปิดเผยข้อมูลในการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อขอ SP หุ้น เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551 ก่อนขอเข้าฟื้นฟูต่อศาลล้มละลายกลางว่าได้โอนหุ้นบริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย)(WG)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยให้เจ้าหนี้ ซึ่งมีผู้แจ้งเบาะแสว่าเป็นการโอนโดยทุจริตในราคาต่ำกว่ามูลค่าเพื่อยักยอกหรือถ่ายเททรัพย์สินของ PICNI ให้บุคคลอื่น อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535

จากการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจากผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการขอหมายศาลอาญาเพื่อเข้าตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องสำนักงาน ก.ล.ต.พบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่านายสุริยา ในฐานะผู้สั่งการ ร่วมกับกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของ PICNI 3 ราย, บริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด (AMC)และกรรมการอีก 2 คน, บริษัท สีลมแพลนเนอร์ จำกัด และ บุคคลอีก 4 ราย ทำการทุจริต ยักยอกเงิน และหุ้น WG ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ PICNI

กรณีดังกล่าวทำให้ PICNI เสียหาย โดย 1. ให้ PICNI แต่งตั้งให้ บ. สีลมฯ เป็นที่ปรึกษาในการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน และตั้ง AMC ขึ้นเพื่อเป็นตัวกลางในการซื้อลดหนี้ PICNI โดยสามารถเจรจาซื้อหนี้ PICNI จากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ซึ่งมีมูลหนี้ 169 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยค้างชำระในราคา 63 ล้านบาท โดยให้ AMC เป็นผู้รับโอนหนี้และสวมสิทธิในหนี้ดังกล่าว

2. ให้ AMC ทำสัญญาลงวันที่ 27 กันยายน 2550 ให้ PICNI ชำระหนี้ที่ AMC ซื้อมา 63 ล้านบาทนั้นแก่ AMC ในจำนวน 150 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 4 งวด แต่ได้มีการเร่งชำระก่อนกำหนดเพื่อให้ AMC นำเงินไปชำระให้แก่สถาบันการเงินดังกล่าว และส่วนที่เหลือคือส่วนที่ดำเนินการให้ PICNI เป็นหนี้เกินกว่าที่ควรต้องรับภาระ เพื่อเป็นเหตุอำพรางในการยักยอกเงินส่วนที่เกิน

3. หลังจากนั้นได้ดำเนินการให้ PICNI ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาข้างต้น โดยมีหนี้ที่ยังมิได้ชำระตามสัญญา 75 ล้านบาท และใช้การผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าวเป็นเหตุอำพรางให้ PICNI ทำสัญญาอีกฉบับลงวันที่ 11 ธันวาคม 2550 ปรับปรุงกำหนดเวลาชำระหนี้ 75 ล้านบาทให้แก่ AMC โดยงวดแรกชำระ 10 ล้านบาทภายในวันที่ 17 ธันวาคม 2550 และให้ PICNI โอนลอยหุ้น WG ทั้งหมด 7.99 ล้านหุ้น (ร้อยละ 99.99 ของทุนชำระแล้วของ WG)ที่ซื้อมาในปี 2547 มูลค่า 1,011 ล้านบาท และมีมูลค่าตามบัญชีตามงบการเงินล่าสุดในขณะนั้น 711 ล้านบาท เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ 75 ล้านบาทดังกล่าว

4. เมื่อถึงกำหนดชำระเงินงวดแรก 10 ล้านบาทได้ดำเนินการให้ PICNI ผิดนัดชำระหนี้อีกครั้งเพื่อเป็นเหตุอำพรางให้ AMC ยึดหุ้น WG ที่โอนลอยไว้แล้วดังกล่าวทั้งหมด และให้กรรมการ WG แจ้งเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจาก PICNI เป็น AMC ในวันที่ 25 ธันวาคม 2551 การกระทำข้างต้นทั้งหมดไม่ได้ขออนุมัติจากคณะกรรมการ PICNI แต่อย่างใด

5. คณะกรรมการ PICNI มีมติให้ดำเนินการทางอาญากับผู้บริหารที่กระทำทุจริต และทางแพ่งเพื่อเรียกให้ AMC โอนหุ้น WG คืน ซึ่งในระหว่างที่ยังฟ้องร้องกันอยู่ได้มีการยักยอกเงินและทรัพย์สินอื่นออกไปจาก WG ในหลายรูปแบบ เป็นเหตุให้หุ้น WG เสื่อมค่า ซึ่งจะทำให้ PICNI เสียหาย แม้หากจะได้รับโอนหุ้น WG นั้นคืนในที่สุด

6. นอกจากสัญญาทั้ง 2 ฉบับที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังให้ PICNI ทำสัญญากับ AMC อีก 1 ฉบับ เพื่อจ่ายเงินมัดจำจำนวน 50 ล้านบาท ในการซื้อหนี้ของ PICNI จากสถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่ง แต่กลับยักยอกเงินดังกล่าวแทนที่จะไปซื้อหนี้กับสถาบันการเงินนั้น

สำนักงาน ก.ล.ต.เห็นว่า การกระทำข้างต้นเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 307 308 311 313 314 และ 315 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 84 และ 86 ตามแต่กรณี จึงได้กล่าวโทษบุคคลดังกล่าวข้างต้นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน หรือบุคคลอื่นที่เสียหายจากการกระทำดังกล่าว สามารถร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ผู้กระทำรับผิดในความเสียหายที่เกี่ยวข้องไปได้ในคราวเดียวกัน

อนึ่ง การที่กรรมการ PICNI 3 รายอยู่ระหว่างถูกสำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษ เป็นเหตุให้กรรมการรายดังกล่าวเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 3(3) แห่งประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต.ที่ กจ. 5/2548 เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ลงวันที่ 17 มกราคม 2548 สำนักงาน ก.ล.ต. จึงได้ถอนการแสดงชื่อบุคคลทั้ง 3 ราย ออกจากระบบข้อมูลรายชื่อผู้บริหารบริษัทที่ออกหลักทรัพย์แล้ว

นอกจากนั้น สำนักงาน ก.ล.ต. ยังมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกกล่าวโทษดังกล่าวทุกราย ซึ่งรวมถึงหุ้นของ WG ที่ถืออยู่ในนามบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งสั่งห้ามบุคคลที่สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ