นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บมจ.โออิชิ กรุ๊ป(OISHI)เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการคลังจะเสนอปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มชาและกาแฟให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาใน 2 สัปดาห์หน้าข้างหน้าว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทโดยตรง เพราะหากรัฐบาลเรียกเก็บภาษีเพิ่มเท่ากับต้องขึ้นราคาสินค้า ก็มีโอกาสที่ยอดขายปีนี้จะตกลงอย่างแน่นอน เผลอๆ อาจจะแย่กว่าปี 51 ด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าหากรัฐจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มชาและกาแฟบรรจุดขวด จะมีผลทำให้บริษัทต้องปรับขึ้นราคาอีก 2-3 บาทสำหรับชาเขียวชนิดกล่อง และ ปรับขึ้นราคาอีก 4-5 บาทสำหรับชาเขียวโออิชิชนิดขวด ส่วนกาแฟคอฟฟิโอคงจะต้องปรับขึ้นอีก 4-5 จากราคาขายปัจจุบัน 20 บาท
"ปีนี้เราตั้งเป้ายอดขายรวมเติบโต 20% มาที่ 7.2 พันล้านบาท ถ้ามีภาษีชา-กาแฟ 20% ยอดขายเครื่องดื่มอย่างเดียวคงหายไป 40-50% เพราะถ้าเก็บภาษีเพิ่มราคาขายก็ต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3-4 บาท แน่นอนมีผลกระทบต่อยอดขายเราแน่ เพราะการขึ้นราคาสินค้าในยุตเศรษฐกิจแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ คนกินรับไม่ได้หรอก เป็นความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลทบทวน"นายตัน กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม นายตัน กล่าวว่า บริษัทยินดีให้ความร่วมมือหากรัฐมีความจำเป็นต้องเก็บภาษีเพิ่ม แต่ก็อยากให้รัฐบาลทบทวนให้ดีว่าหากจำเป็นจะต้องเก็บภาษี ควรเก็บจากเครื่องดื่มทุกประเภท ไม่ใช่เฉพาะชาหรือกาแฟ เครื่องดื่มอะไรก็ตามที่มีน้ำตาลที่มีโทษแก่ร่างกายถ้ารัฐบาลจะอ้างเรื่องสุขภาพ
"ทุกวันนี้ธุรกิจกำลังแข่งขันกันอยู่ อยู่ ๆ ดี มาเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 20% ทำให้เราขายของลำบาก"นายตัน กล่าว
นายตัน กล่าวว่า หากต้องขึ้นราคาสินค้าเที่ยวนี้ ถือเป็นการปรับราคาขึ้นครั้งแรกตั้งแต่เครื่องดื่มชาเขียวโออิชิอยู่ในตลาดมา เนื่องจากที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นการแข่งกันปรับลดราคา และแข่งกันทำโปรโมชั่นมากกว่า
นายตัน กล่าวถึงผลกระทบที่จะตามมาอีกคือ หากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย นั่นก็หมายความว่าแผนการขยายโรงงานแห่งที่ 3 ก็คงต้องชะลอออกไปก่อน เพราะไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิต บริษัทจึงรอดูว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร ถ้าหากประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่มจริง บริษัทก็จะนำเรื่องชะลอการขยายโรงงานเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาและระงับก่อนจะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 เม.ย.นี้