บมจ. ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) เล็งทำประกันความเสี่ยง(Hedging)เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ทำไว้ 20% หลังเห็๋นแนวโน้มขยับตัวดีขึ้น จากที่คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้เพดานทำ Hedging ไว้ถึง 50% คาดหวังจะช่วยดันกำไรดีขึ้น และเริ่มพลิกมีกำไรในไตรมาส 1/52 จากทั้งปี 51 ขาดทุน 8.5 พันล้านบาท
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTAR เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำ Hedging ส่วนต่างราคาน้ำมันระหว่างน้ำมันดิบดูไบกับดีเซล และน้ำมันดิบดูไบกับน้ำมันอากาศยาน(JET) ไปแล้วสัดส่วน 20% ตั้งแต่ปลายปีก่อนที่ส่วนต่างหรือสเปรดยังได้ระดับที่ดีก็จะช่วยทำให้กำไรในปี 52 ของบริษัทดีขึ้น และจะทำให้ได้ค่าการกลั่นหรือมาร์จิ้นได้ใกล้เคียงกับที่บริษัทคาดในปีนี้ที่ระดับ 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีเพดานที่จะทำ Headging เพิ่มได้ถึง 50% ตามที่คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติไว้ โดยส่วนใหญ่จะเน้น Headging ส่วนต่างน้ำมันดีเซล เพราะในส่วนโรงกลั่นรายได้ราว 37-38% เป็นน้ำมันดีเซล รองลงมาเป็นน้ำมัน JET แม้ว่าขณะนี้ราคาดีเซลยังไม่ดีมาก เพราะผู้ซื้อได้ตุนของไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วไว้มาก แต่คาดว่ามาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศจะทำให้เกิดการใช้และดีมานด์น้ำมันเพิ่มขึ้น
"ที่เราทำ Headging ไป 20% ช่วยกำไรเราดีขึ้น แต่เราจะทำเพิ่ม เราตั้งเป้าส่วนต่างดีเซลไว้ที่ ระดับ 17-18 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเรารอเวลาให้ระดับที่น่าพอใจก่อน ถ้าเราทำ Hedging มากขึ้นก็จะช่วยกำไรดีขึ้น เพราะเรามองมาริ์จิ้นปีนี้ไว้ที่ 5 เหรียญ บวก/ลบ"นายชายน้อย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ขณะนี้ส่วนต่างของน้ำมันดีเซลยังต่ำอยู่ประมาณที่ 4-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับความต้องการที่น้อยผิดปกติ ส่วนส่วนต่างน้ำมัน JETอยู่ที่ 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ในปีนี้ บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยในส่วนโรงกลั่นมีกำลังการกลั่นเพิ่มเป็น 1.9 แสนบาร์เรล/วัน จาก 1.45 แสนบาร์เรล/วัน ส่วน อะโรเมติกส์เพิ่มขึ้นเท่าตัว เป็น 2.2 ล้านตัน จาก 1.1 ล้านตัน