นายพุฒิพงษ์ ปุณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ลงทุนระบบรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนเทินหินบุน(ส่วนขยาย) เพิ่มเติมอีก 220 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังการผลิตทั้งหมด 440 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้เงินลงทุน 665 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงจากฝั่งไทยที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงนครพนม 2 และสถานีไฟฟ้าท่าแขกในฝั่ง สปป.ลาว โดยให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.2554 ก่อนที่โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะแล้วเสร็จ 3 เดือน เพื่อทดสอบการเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของโครงการ ก่อนวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ในวันที่ 1 มี.ค.55 ซึ่งหากการก่อสร้างสายส่งช้ากว่ากำหนด กฟผ.จะต้องเสียค่าปรับ
กฟผ.จะต้องดำเนินการก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงในฝั่งไทยให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.54
สำหรับเงินลงทุน 665 ล้านบาทจะใช้เป็นค่าใช้จ่ายอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ 265 ล้านบาท และเป็นค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ในประเทศและค่าก่อสร้าง 400 ล้านบาท ขนาดสายส่ง 230 เควีเทินหินบูน-ท่าแขกวงจรคู่ และการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง 230 เควีนครพนม 2 พร้อมทั้ง ปรับปปรุงสายส่ง 230 เควีท่าแขก-นครพนม 2 วงจรคู่ เป็นแบบ Invar และปรับปรุงระบบสายส่งภายในของ กฟผ.ระยะดำเนินการปลายปี 50-ปลายปี 54
โครงการเหินหินบูนส่วนขยาย เป็นโครงการที่ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนใหม่เหนือเขื่อนเหินหินบูนเดิม ซึ่งเป็นเขื่อนแบบ Run-off River เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้ ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 220 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตติดตั้งใหม่เป็น 440 เมกะวัตต์ สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจำหน่ายให้ กฟผ.2,572 ล้านหน่วยต่อปี
อนึ่ง โครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทินหินบุน ถือหุ้นโดย บมจ.เอ็มดีเอ็กซ์(MDX)