บมจ.โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี(1999)(PRO)คาดปี 52 จะขาดทุนลดลงจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 117.67 ล้านบาท และประคองรายได้ปีนี้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 390-400 ล้านบาท
บริษัทเชื่อว่ารายได้จะเริ่มเติบโตตั้งแต่ปีหน้า เนื่องจากโรงงานที่อยู่นอกระบบหรือไม่มีการจัดการขยะที่ได้มาตรฐานจะเข้ามาเป็นลูกค้าเพิ่ม หลังจากที่เขตมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ ประกอบกับ บมจ.บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (GENCO) ซึ่งเป็นคู่แข่ง ได้ย้ายสถานที่หลุมฝังกลบจาก จ.ระยองไปที่ราชบุรี ซึ่งอยู่ห่างไกลกว่าสถานที่ฝังกลบของบริษัทที่อยู่ใน จ.สระแก้ว
"ปีนี้เราขอประคองตัวก่อน เราตั้งเป้าว่ารายได้ปีนี้ไว้ 390-400 ล้านบาทมาจากธุรกิจเดิม แต่ข่าวดีจะเกิดขึ้นในระยะยาว คิดว่าปีหน้าน่าจะทำให้เราเติบโตขึ้น" นายเกรียงไกร เลิศศิริสัมพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการสายบัญชีการเงินและบริหารสำนักงาน PRO กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
บริษัทคาดว่าจะเข้าทดแทนลูกค้าของ GENCO ได้ 50% ของลูกค้าในระยองที่ GENCO มีอยู่มูลค่าราว 200-300 ล้านบาท เพียงแต่ช่วงนี้ยังติดสัญญาเดิมคงจะทยอยย้ายเข้ามา เพราะต้นทุนของคู่แข่งสูงกว่าและคาดว่าจะมีการปรับขึ้นราคา ขณะที่พื้นที่หลุมฝังกลบของบริษัทยังมีเพียงพอรองรับได้อีกมากโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
ส่วนบมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน(BWG)ซึ่งเป็นคู่แข่งอีกบริษัทอยู่ที่สระบุรี ทำให้บริษัทได้เปรียบมากที่สุดอยู่ใกล้โรงงานในจ.ระยอง ซึ่งมีพื้นที่อุตสาหกรรมใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นจุดนี้จะเป็นจุดที่เราได้ผลประโยชน์มากกว่า
นายเกรียงไกร กล่าวว่า แม้ว่าขนาดขยะอุตสาหกรรมเล็กลงตามการลดกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ส่วนแบ่งการตลาดบริษัทน่าจะมากขึ้นหลังจากเปิดให้บริการใหม่ จำนวนลูกค้าและรายได้ค่อยไต่ขึ้น โดย 2 เดือนแรกปีนี้ได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือน และเดือนมี.ค.นี้คาดว่าจะอยู่ที่ 15 ล้านบาท และน่าจะทยอยขึ้นเรื่อยๆ โดยคิดว่าจะกลับมาจุดเดิมที่ 20 ล้านบาทต่อเดือนในปลายปีนี้
ปัจจุบันสถานที่พื้นที่ฝังกลบอยู่ที่จ.สระแก้ว มีพื้นที่รวม 900 ไร่ ปัจจุบันที่พัฒนาเป็นหลุมฝังกลบ 200 ไร่และใช้จริงไม่ถึง 20 ล้านไร่
ส่วนธุรกิจรีไซเคิลอลูมิเนียม ซึ่งโรงงานใหม่เพิ่งสร้างเสร็จในเดือน ส.ค.-ก.ย.51 แต่กลับมาเจอวิกฤติเศรษฐกิจ โดยโรงงานนี้รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรกนิกส์ ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบเต็มที่ รายได้หดตัวเหลือ 200 ล้านบาทในปีก่อน จากเดิมคาดว่าจะทำรายได้ 600 ล้านบาท และปีนี้ตั้งเป้ารายได้เข้ามาประมาณ 160 ล้านบาท และยังขาดทุนต่อเนื่อง
*เล็งโครงการเปลี่ยนขยะเป็นน้ำมันช่วยพลิกวิกฤต
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีโครงการเปลี่ยนขยะเป็นน้ำมัน ซึ่งได้ดำเนินการแล้ว แต่จังหวะไม่ดีที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างรวดเร็วเหลือระดับ 40 เหรียญ/บาร์เรลเมื่อเริ่มโครงการ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานเมื่อราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นมา 50-60 เหรียญ/บาร์เรลโครงการนี้ก็น่าจะเริ่มเห็นอนาคต และจะเป็นตัวพลิกสถานการณ์บริษัทให้ดีขึ้นได้ โดยจุดคุ้มทุนของโครงการนี้อยู่ที่ระดับราคา 45-50 เหรียญ/บาร์เรล
"เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ตั้งแต่ปิดโตรงการ(หลุมฝังกลบ)รายได้เราน่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการเปลี่ยนขยะมาเป็นน้ำม้น แต่ผลจากราคาน้ำมันปรับลง ทำให้โครงการต้องชะลอไปก่อน เพราะราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว ก็อย่างที่บอกตอนแรกคิดว่า project นี้จะทำให้บริษัทเติบโตได้ ถ้าโครงการนี้สำเร็จจะทำกำไรได้ดี แต่ก็ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโลก"นายเกรียงไกร กล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายว่าหากโครงการไปได้ดีก็จะพิจารณาลงทุนเพิ่มเครื่องจักรอีก 5 เครื่อง ใช้เงินประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นด้วย เชื่อว่าถ้าโครงการไปได้สถาบันการเงินคงจะสนับสนุนสินเชื่อ
ทั้งนี้ ยอมรับว่าบริษัทขาดสภาพคล่องและมีขาดทุนสะสมกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ยังไม่มีแผนแก้ไข คงต้องรอให้ผลประกอบการดีขึ้นก่อน โดยเฉพาะโครงการเปลี่ยนขยะเป็นน้ำมันที่คาดว่าจะทำกำไรได้มาก