ปตท.คาดโครงการโรงแยกก๊าซที่ 7 อาจรับผลกระทบจากการควบคุมมลพิษมาบตาพุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 17, 2009 18:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า โครงการต่างๆ ของ ปตท.ที่มีการลงทุนไปแล้วในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง จะไม่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตควบคุมมลพิษ ยกเว้นโครงการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะโรงแยกก๊าซธรรมชาติโรงที่ 7 และโครงการต่อเนื่อง อาจได้รับผลกระทบหากมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์สากล

เนื่องจากโรงแยกก๊าซที่ 7 มีมูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท มีก๊าซเข้าระบบประมาณ 600-700 ล้าน ลบ.ฟ./วัน ซึ่งมีแผนจะเริ่มก่อสร้างในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบปริมาณก๊าซธรรมชาติที่จะป้อนเข้าโรงแยกก๊าซดังกล่าวว่ามีเพียงพอหรือไม่ก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่าคุ้มค่ากับการลงทุน โดยจำเป็นต้องมีก๊าซสำรองอีก 3-4 ล้านล้านตัน จากปัจจุบันที่โรงแยกก๊าซที่ 1-6 มีก๊าซสำรองประมาณ 10 ล้านตันใช้ได้นานถึง 20 ปี และจะต้องเป็นก๊าซจากบริเวณอ่าวไทยเท่านั้นเพราะมีคุณสมบัติดี

ปตท.ร่วมกับ ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติตรวจสอบปริมาณก๊าซสำรองในประเทศ โดยเฉพาะการผลิตก๊าซแอลพีจีเพื่อใช้ในครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งความต้องการอีเทนและโพรเพนเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี พร้อมติดตามรายละเอียดของมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่ตามมาจากการประกาศให้มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ เพราะอาจกระทบการลงทุนบ้างบางส่วน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การใช้ก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อยตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.52 มีการใช้ก๊าซลดลงพอสมควร ในขณะที่ต้นเดือนมี.ค.มียอดใช้ประมาณ 3,400 ล้าน ลบ.ฟ./วัน ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับทรงตัว แต่ในภาคครัวเรือนและภาคการผลิตไฟฟ้ากลับพบว่ามีการใช้สูงขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าความต้องการใช้ก๊าซในปีนี้อาจลดลงประมาณ 6-7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ