ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) ขานรับตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายในสหรัฐ โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง จึงพากันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านและกลุ่มธนาคารอย่างคึกคัก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 178.73 จุด หรือ 2.48% แตะที่ 7,395.70 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 24.23 จุด หรือ 3.21% แตะที่ 778.12 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 58.09 จุด หรือ 4.14% แตะ 1,462.11 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.49 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.12 พันล้านหุ้น
แรนดี้ เบทแมน นักวิเคราะห์จาก Huntington Funds ในรัฐโอไฮโอ กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านและกลุ่มธนาคารอย่างคึกคัก หลังจากกระทรวงพาณิชย์รายงานว่าตัวเลขการสร้างบ้านใหม่พุ่งขึ้น 22.2% แตะระดับ 583,000 ยูนิตในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการสร้างบ้านใหม่จะร่วงลง 3.4% เหลือเพียง 450,000 ยูนิต
ตัวเลขสร้างบ้านที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายนับเป็นข่าวดีล่าสุดที่หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากข่าวแบงค์ ออฟ อเมริกา, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และซิตี้กรุ๊ป สามารถทำกำไรได้ในเดือนม.ค.-ก.พ. ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเรื่องปัญหาในภาคการธนาคาร
นอกจากนี้ นายปีเตอร์ แซนส์ ซีอีโอธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด ระบุว่า ธนาคารมีผลประกอบการที่ "แข็งแกร่ง" ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พร้อมยืนยันว่าไม่มีแผนปลดพนักงานและจะมุ่งเน้นสร้างการเติบโตในเชิงรุก ด้วยการเข้าซื้อกิจการธนาคารในเอเชียและตะวันออกกลาง และแสดงความเชื่อมั่นในสถานะเงินทุนของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด
ทั้งนี้ ข้อมูลสร้างบ้านที่สดใสช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้น โดยหุ้นพัลท์-โฮมส์ พุ่งขึ้น 6.7% หุ้นเลนนาร์ คอร์ป ดีดขึ้น 8.7% หุ้นโทลล์ บราเธอร์ส พุ่งขึ้น 5.9% ส่วนหุ้นค้าปลีกเครื่องใช้ภายในบ้าน รวมถึงหุ้นโฮม ดีโปท์ และหุ้นโลว์ คอส พุ่งขึ้นกว่า 6%
หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้น 7.7% หุ้นพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ดีดขึ้น 4.4% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ทะยานขึ้น 8.9%
นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีขึ้นตั้งแต่วันอังคารที่ 17 มี.ค.และจะสิ้นสุดในวันพุธที่ 18 มี.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% และคาดว่าเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดจะแถลงมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และหลักทรัพย์ประเภทอื่นๆ หลังจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดจ้างงานสหรัฐหดตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนเมื่อเดือนม.ค.