KTC เผยเพิ่มทุนรองรับธุรกิจ 2-3 ปี วางเป้าลด D/E เชื่อ KTB รักษาสิทธิ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 19, 2009 16:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย(KTC) เปิดเผยว่า บริษัทแต่งตั้งบล.ภัทร (PHATRA) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 773.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาทให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 3 หุ้นใหม่ ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาในวันที่ 30 เม.ย.52 โดยจะเปิดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 25-29 พ.ค.52

บริษัทคาดว่าหลังการขายหุ้นเพิ่มทุนจะทำให้บริษัทสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มอีก 7,700 ล้านบาทในช่วงเดือน พ.ค. และทำให้โครงสร้างทางการเงินในส่วนของสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ลดลงจาก 7.4% เหลือ 2.5% รองรับการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง 2-3 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม หากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพียง 50% ของจำนวนหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมด D/E จะลดลงมาอยู่ที่ 4% ขณะที่บริษัทจะเก็บหุ้นที่เหลือไว้เพื่อเสนอขายในอนาคตหากความจำเป็น

"บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า การตัดสินใจเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้เรามีฐานเงินทุนที่มั่นคงและแข็งแรง เพิ่มศักยภาพในการระดมเงินกู้เพื่อทดแทนเงินกู้ที่จะถึงกำหนดชำระในปีนี้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังจะทำให้บริษัทฯ มีแหล่งเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต" นายนิวัตต์ กล่าว

สำหรับความจำเป็นของการเพิ่มทุนในครั้งนี้เนื่องจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและสถานการณ์การเงินทั่วโลกที่ตกต่ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปอีกไม่น้อยกว่า 2-3 ปี การเพิ่มทุนเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่มั่นคงและแข็งแรง

นายนิวัตต์ กล่าวว่า บริษัทกังวลว่าหากไม่เร่งดำเนินการเพิ่มทุนในช่วงนี้จะทำให้ต้นทุนการระดมทุนในอนาคตเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีการแย่งสภาพคล่องการเงินในประเทศ เพราะรัฐบาลกำลังจะเดินหน้าโครงการวางระบบสาธารณูปโภคในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และการเพิ่มทุนครั้งนี้ได้ผ่านการปรึกษากับธนาคารกรุงไทย(KTB)ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว และที่ผ่านมา KTB ได้ให้การสนับสนุนธุรกิจบริษัทเป็นอย่างดี ดังนั้น เชื่อว่า KTB น่าจะรักษาสัดส่วนการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท

ส่วนผลประกอบการของบริษัทช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ ถือว่าดีกว่าช่วงระยะเดียวกันปีก่อนแม้จะต้องเผชิญปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ แต่บริษัทยังคงใช้ความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อทั้งในส่วนของบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ขณะที่ระดับหนี้เสียทั้งพอร์ตทรงตัวที่ระดับ 1%กว่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ