ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกมาตรการ FED จุดชนวนเงินเฟ้อ ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 85.78 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 20, 2009 06:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าแผนการเข้าซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์ดิ่งลงอย่างหนักและเป็นเหตุให้เกิดภาวะเงินเฟ้อตามมา โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงินดิ่งลงหนักสุด อย่างไรก็ตาม การที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นขานรับราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ ได้ช่วยพยุงดาวโจนส์ไม่ให้ติดลบมากนัก

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 85.78 จุด หรือ 1.15% แตะที่ 7,400.80 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 10.31 จุด หรือ 1.30% แตะที่ 784.04 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 7.74 จุด หรือ 0.52% แตะที่ 1,483.48 จด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.95 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.35 พันล้านหุ้น

ท้อดด์ ซาลาโมน นักวิเคราะห์จาก Schaeffer`s Investment Research กล่าวว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมาตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับเฟดที่ประกาศใช้มาตการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และเพิ่มการรับซื้อตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) อีก 7.50 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เฟดจะเข้าซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดย หรือ รับประกันโดยสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านรายใหญ่ 2 แห่ง คือ แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ในปีนี้ด้วย

"แต่นักลงทุนเริ่มมองว่ามาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรของเฟดทำให้สกุลเงินดอลลาร์ดิ่งลงอย่างหนัก และมีแนวโน้มที่ร่วงลงหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ น้ำมันและพืชผล มีราคาสูงขึ้น และทำให้ราคาสินค้าที่ต้องใช้อุปโภคบริโภคในแต่ละวันแพงขึ้นไปด้วย อาทิ อาหารและเชื้อเพลิง จนในที่สุดสหรัฐจะกลับสู่วงจรเงินเฟ้อคุกคาม นักลงทุนเริ่มมีมุมมองในด้านลบว่ามาตรการของเฟดอาจต้องใช้เวลานานจึงจะเห็นผล จึงพากันเทขายหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มธนาคาร" ซาลาโมนกล่าว

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่ผ่านมา และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน 0.2% ซึ่งเท่ากับเดือนม.ค.

โจ บาเลสตริโน นักวิเคราะห์จาก Federated Investors Inc. มองว่า มาตรการของเฟดยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กให้ทะยานขึ้นอย่างเต็มสูบได้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มองภาพเศรษฐกิจโดยรวมเป็นหลัก ขณะที่แอนดรูว์ ทิลตัน นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า ในการยับยั้งเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยนั้น เฟดจะต้องใช้ความพยายามมากเป็น 2 เท่า และขณะนี้ดุลบัญชีของเฟดทรุดตัวลง 17% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธ.ค.ที่ระดับ 2.31 ล้านล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงงานทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้นเหนือระดับ ซึ่งเป็นผลมาจากสกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงอย่างหนักหลังจากเฟดประกาศเข้าซื้อพันธบัตร โดยหุ้นเชฟรอนพุ่งขึ้น 0.8% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดีดขึ้น 3.8%

แต่หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลง โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดร่วง 15.6% หุ้นเจพีมอร์แกนปิดลบ 8% ส่วนหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ปิดลบ 10 เซนต์ แตะที่ 10.13 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสแรกและตลอดปี 2552

หุ้นเฟดเอ็กซ์ปิดพุ่ง 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 75% อย่างไรก็ตาม บริษัทวางแผนลดการจ้างงานและลดค่าแรงพนักงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ