โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่หนุน"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยคม (THCOM) มองว่าอนาคตดาวเทียม iPSTAR เริ่มมีรายได้ดีขึ้น จากล่าสุดจะเข้าบริการในญีปุ่นเริ่ม 1 เม.ย.นี้ และคาดหวังว่าจะเจรจากับรัฐบาลอินเดียและสามารถเปิดตลาดได้ภายในปีนี้ก็จะทำให้เข้าสู่จุดคุ้มทุนได้ตามเป้าหมาย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงหากอินเดียเปลี่ยนรัฐบาล การเจรจาอาจต้องเลื่อนไปเป็นปีหน้า อย่างไรก็ดี ราคาขณะนี้ถือว่าน่าเข้าลงทุน
เมื่อเวลา 14.41 น.ราคาเคลื่อนไหวที่ 3.38 บาท บวก 0.12 บาท (+3.68%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ฟิลลิป ซื้อ 7.10 บล.โกลเบล็ก ซื้อลงทุน 6.30 บล.ซิกโก้ ซื้อ 5.00 บล.กรุงศรีอยุธยา เทรดดิ้ง 4.90 บล.บัวหลวง ถือ 4.00
นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า จากที่ Japan IPSTAR เป็นบริษัทลูกของ THCOM ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลญี่ปุ่นเข้าบริหารเกตเวย์และให้บริการ iPSTAR จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เม.ย.52 บริษัทวางแผนจะให้บริการในโครงการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม(USO)ตั้งเป้าให้บริการพื้นที่แถบชนบทในญี่ปุ่น โดยบริษัทตั้งเป้าผู้ใช้บริการประมาณ 2 แสนรายในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ค่าบริการจะเริ่มต้นที่ประมาณ 30 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน อย่างไรก็ตาม ในประเทศญี่ปุ่นมีการใช้ 7% ของอัตราการใช้กำลังการผลิตทั้งหมดของ iPSTAR
แต่ที่รออยู่ในปีนี้ คือ ตลาดอินเดีย ถือเป็นตลาดใหญ่ โดยมีอัตราการใช้ 17% ของอัตราการใช้กำลังการผลิตทั้งหมด หากภายในเดือนพ.ค.นี้เจรจากับรัฐบาลอินเดียได้สำเร็จ ก็คาดว่าในปีนี้ IPSTAR จะถึงจุดคุ้มทุนตั้งแต่ไตรมาส 4/52 แต่หากเจรจาไม่สำเร็จ และอินเดียจะมีการเลือกตั้งหลัง พ.ค.ก็คาดว่าการเจรจาคงต้องเลื่อนไปปีหน้า ซึ่งก็มองว่ามีความเสี่ยงเพราะหากเปลี่ยนรัฐบาล ก็ไม่รู้ว่านโยบายจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ส่วนตลาดในจีน เราไม่คาดหวังเลย
"เรื่องที่ได้ตลาดญี่ปุ่นก็ถือเป็นข่าวดี แต่เรารอตลาดอินเดีย ซึ่งจากที่ผู้บริหารบอกให้ฟังว่าการเจรจา 50/50 คือต้องเจรจาใหัจบก่อนเดือนพฤษภาคม ก็เลื่อนไปเจรจาปีหน้า ซึ่งตรงนี้มองว่ามีความเสี่ยง...เราก็เลยให้ HOLD ไว้ก่อน รอให้ได้ตลาดที่อินเดียก่อน แต่ราคาตอนนี้ก็ยังเก็บได้แต่ถ้าเจรจาอินเดียไม่ได้ก็ต้องถือยาว" นักวิเคราะห์กล่าว
ด้าน บล.โกลเบล็ก คาดว่ารายได้จากบริการดาวเทียม iPSTAR ปี 52 ยังจะคงเติบโตได้ดี โดยบริษัทเตรียมเปิดให้บริการดาวเทียม iPSTAR ที่ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.52 ภายใต้โครงการ USO ที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบทหรือพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไปถึง ซึ่งเราคาดว่าญี่ปุ่นจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
นอกจากนั้น ในปีนี้ยังเตรียมเปิดให้บริการที่อินโดนีเซียด้วย โดย iPSTAR จะได้เปรียบในแง่ของภูมิประเทศ อย่างไรก็ตาม คาดว่าอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งจากค่าเสี่อมราคาและการตลาดที่สูงขึ้น สำหรับธุรกิจดาวเทียม Conventional คาดว่ารายได้จะทรงตัว ส่วนธุรกิจโทรศัพท์ในลาวและกัมพูชายังมีแนวโน้มที่ดี ทั้งนี้ เราคาดว่าผลประกอบการในปี 52 ยังคงขาดทุน แต่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 52
"แม้แนวโน้มผลประกอบในปี 52 จะยังคงขาดทุน แต่ทุกธุรกิจก็มีทิศทางที่ดีขึ้น และคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในปี 53 อาจจะเริ่มกลับมามีกำไรได้ จากการเข้าสู่จุดคุ้มทุนของดาวเทียม iPSTAR ที่คาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายปี 52 ทั้งนี้ ปัจจุบันซื้อขายกันที่ P/BV ที่ยังต่ำเพียง 0.22 เท่า"บทวิเคราะห์ระบุ
สำหรับบทวิเคราะห์ของบล.ซิกโก้ ระบุ หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับผู้บริหาร เรายังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการเปิดให้บริการ iPSTAR ทั้ง 2 ประเทศ (จีนและอินเดีย) ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดค่อนข้างสูง (อินเดีย 17.5% และจีน 26.2%) ทางด้านประเทศจีนนั้น เรามองว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกนานจึงสามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากยังคงมีปัญหาในเรื่องของการถูกโอนย้ายหน่วยงานไปอยู่ที่ China Telecom
สำหรับประเทศอินเดียนั้นแม้ว่าจะอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเซ็นสัญญาแต่ยังคงมีปัญหาติดขัดในเรื่องของกฏระเบียบต่างๆ ดังนั้น SSEC มองว่าหากการเจรจาไม่สามารถลุล่วงได้ภายในเดือน พ.ค. นี้อาจทำให้การเปิดบริการต้องเลื่อนออกไปอีกเนื่องจากเป็นช่วงที่อินเดียมีการเลือกตั้ง อีกทั้งหากผลการเลือกตั้งทำให้อินเดียมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจทำให้ต้องมีการเจรจากันใหม่อีกครั้ง
ส่วนความเสี่ยงที่ดาวเทียมไทยคม1A ที่กำลังจะหมดอายุในเดือน ก.ค. นี้ คาดว่าบริษัทจะสามารถโอนถ่ายลูกค้าไปยังดาวเทียมไทยคม5 ได้ เพราะพื้นที่ของดาวเทียมไทยคม5 ยังเพียงพอที่จะรองรับลูกค้าที่โอนถ่ายไปได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามดาวเทียมไทยคม2 ที่กำลังจะหมดอายุลงประมาณ ในไตรมาส 1/53 ผู้บริหารมีนโยบายจะใช้การเช่าดาวเทียมเพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องโอนถ่ายไป โดยเราคาดว่าอาจมีลูกค้าบางรายปิดการใช้บริการแต่คาดว่าจะเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
"เรายังเชื่อว่า THCOM ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วโดยเราคาดว่าผลการดำเนินงานจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามการที่ THCOM จะเติบโตได้อย่างรวดเร็วนั้นยังคงต้องคาดหวังจากการเปิดให้บริการในจีนและอินเดียเนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ ทั้งนี้หากการเซ็นสัญญากับอินเดียไม่ประสบความสำเร็จอาจส่งผลกระทบในทางจิตวิทยาทำให้เกิดแรงขายหุ้นออกมาได้ เราได้ปรับประมาณการลดลงจากความไม่แน่นอนของตลาดอินเดียและความผันผวนของราคาที่มีมากขึ้น"บทวิเคราะห์ ระบุ
ปัจจุบัน iPSTAR ให้บริการทั่วโลก 11 ประเทศ (14 Gateway) คือ ออสเตรเลีย กัมพูชา จีน พม่า นิวซีแลนด์ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เกาหลี และญี่ปุ่น