จากดีลควบรวม UOBKH-BSEC ถึงศึกภายในผู้ถือหุ้นใหญ่-ทีมผู้บริหาร BSEC ขัดแย้งหนักถึงขั้นปลุกกระแสข่าวลุกขึ้นมาเดินเกมปลดคาบอร์ดในวันนี้ทั้ง 4 ผู้บริหารระดับสูง นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ, นางพรรณี เถกิงเกียรติ, นายเดชา แปงคำ และ นายธนกฤต เอื้อสงวนกุล ที่มาพร้อมกระแสข่าวถูก UOBKH ซื้อตัว และ 3 โบรกใหญ่อ้าแขนรับไปร่วมงาน สร้างความปั่นป่วนให้กับวงการอย่างหนัก
แหล่งข่าวระดับสูงของ บล.บีฟิท(BSEC)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร แต่การฟื้นดีลควบรวม UOBKH-BSEC คงจะไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ แล้ว โดยเฉพาะถ้าหากผู้บริหารของ BSEC มีแนวโน้มจะไม่อยู่ร่วมงานในบริษัทต่อไป ซึ่งแต่ละคนต่างมีลูกค้าอยู่ในมือ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับ BSEC เพราะ value ของบริษัทมีส่วนนี้อยู่ด้วย
"ผมก็ไม่เข้าใจนะ ถ้าทีมผู้บริหารชุดนี้หายไปแล้ว บริษัทฯจะอยู่ได้ไง เพราะถ้าเขาไป ลูกค้าก็อาจจะตามพวกเขาไปด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำอะไร ก็งง ๆ นะ"แหล่งข่าว กล่าว
"เป็นไปได้ไหมที่จะบีบให้คนพวกนี้ออก แล้วมีอยู่ที่เดียวที่พอจะคุยได้ก็คือยูโอบีฯ(UOBKH) ก็ไปอยู่ยูโอบีฯไง เข้าล็อกเขานะ เออ...พอพูดอย่างนี้แล้วก็ไม่แน่นะ เพราะที่อื่นคงไม่มีใครกล้ารับอยู่แล้ว"
*ผู้บริหารชุดนี้อยู่แล้วทำให้การควบรวมกิจการกับ UOBKH ลำบากขึ้นหรือเปล่า
"พวกนี้ไม่อยู่แล้วการควบรวมจะไม่เกิดนะเหรอ ถ้าเขาไปอยู่ยูโอบีฯนะโอเค เห็นว่าเขาดีลกับประธานทางคอมลิ้งค์นะ ก็คือยังไม่จบนะ แค่หยุดชั่วคราว แต่ถ้าพวกนี้ไปอยู่ยูโอบีฯ การควบรวมก็เกิดขึ้นต่อไป
แต่ถ้าพวกนี้ไม่ไปอยู่ยูโอบีฯจริง ๆ ทางยูโอบีฯจะเอา BSEC ไปทำไม เออ..มันก็เลยมองว่าเป็นเกมมั่ง เพราะยูโอบีฯที่ซื้อหุ้น BSEC ก็เพราะคนพวกนี้ ตามหลักการนะ ไม่ได้ซื้อเพราะว่าบริษัทฯนี้มีทรัพย์สิน มันไม่เกี่ยว ถ้าไม่มี business จะซื้อไปทำไม แต่ผมว่าเขาซื้อเพราะอยากได้แบบนี้ โดยเป็นของแถมมาจากบริษัทฯ ใช่มั๊ย ผมว่าเป็นแบบนี้นะ
ยูโอบีฯเท่าที่เห็น เขาพยายามจะจีบผู้บริหารตลอดเวลา ก็เรียกไปสิงคโปร์เมื่ออาทิตย์ก่อน ก็คือพยายามจะบอกว่า ตกลงคุณอย่าไปไหนนะ ถ้า I ซื้อคุณเสร็จ แล้ว I ก็เดินเรื่องควบรวมต่อ
มันน่าจะเป็นเกมนี้คือเอาคนไปก่อน แล้วพอเรียบร้อยแล้วค่อย ทำเทนเดอร์ฯ แต่จุดเปลี่ยนอยู่ที่ว่า คนที่ดำเนินเรื่องตั้งแต่ทีแรกไม่ professional เพราะฉะนั้นการ handle เรื่อง ก็กลายเป็นว่า ไปบอกลูกค้าให้ซื้อหุ้นได้ ก็กลายเป็นว่าปล่อยข่าว เล่นหุ้น ปั่นหุ้นขึ้นมา อินไซต์กันW
*แล้วทำไมเรื่องถึงยุ่งยากขนาดนี้
"ก็ตอนแรกมันเดินแล้วมันสะดุด เพราะว่า management ไม่เล่นด้วย...ปุ๊บเนี่ย มันก็เลยต้องหยุดไปก่อนไง
คือถ้าเราจะซื้อ BSEC เราซื้อเพราะอะไร ซื้อเพราะบริษัทฯมีทรัพย์สิน หรือซื้อเพราะบริษัทฯมี business ธุรกิจหลักทรัพย์มันอยู่ที่คน มันก็ต้องซื้อเพราะคนใช่ไหม แต่พอมันซื้อปุ๊บมันก็ดีดลูกคิดง่าย
แต่ที่ไหนได้ มันไม่ใช่ ก็เลยต้องเปลี่ยนขบวนท่าใหม่ ซื้อคนก่อน พอซื้อคนไปให้เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวค่อยทำเรื่องต่อ เรื่องมันก็จะง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นก็เลยเรียกคนมานัดพบ ก็คือเรียก 3 คนเนี่ยมาคุย"
*ข้อเท็จจริงของการที่ผู้บริหารเดินทางไปสิงคโปร์เป็นอย่างไร
"ก็คือเขา(ยูโอบีฯ)ขอเชิญผู้บริหารไปคุย ก็เขาบอกมาเหอะ แล้วจะให้ผลประโยชน์อย่างนั้นอย่างงี้ เท่าที่ได้ยินก็คือคุณเดชา เอาตั๋วของเขา(ยูโอบีฯ)ไปคนเดียว ส่วนคุณประสิทธิ์ก็คิดว่าไม่อยากไปยุ่งมาก ก็ไปทีหลังดีกว่า เอาครอบครัวไปเที่ยวดีกว่า แล้วไปพบกันก็เป็นเรื่องธรรมดาไป ไม่อยากยุ่งด้วย แต่ก็ซวยไปแล้ว... ซึ่งเขา(ยูโอบีฯ)ก็ไปออกข่าวว่าทางเราขอพบเขา ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่ เราอยู่ของเราดี ๆ เราจะไปพบเขาทำไม
ทางคุณประสิทธิ์ เอาตุ๊กตาสวัสดีไปให้จริง ๆ ซึ่งจริง ๆ เขาชวนมาก่อน แต่ทางคุณประสิทธิ์ไม่เล่นด้วย แต่เขาก็มี plan ที่จะไปเที่ยวของเขาไปกับหลานเขาตั้ง 3-4 คนนะ ไปเที่ยวแล้วก็กลับวันเสาร์ ส่วนคุณเดชาไปจริง ๆ กับตั๋วของยูโอบีฯที่จัดหามาให้ มัน commit ไม่ได้หรอกว่าใครออกเงินให้นะ แต่คุณเดชาไปฟรี
ผมไม่รู้ว่าการควบรวมจะสำเร็จจริงหรือเปล่า เพราะว่าวันนี้มันกลายเป็นวันอะไรก็ไม่รู้ เขาคงไม่คิดนะว่าการทำอย่างนี้แล้ว ผู้บริหารเขาจะนั่งเฉย ๆ เหรอ ปล่อยให้ทางคอมลิ้งฯกับทางยูโอบีฯละเลงไป"
*ผู้บริหารคนอื่น ๆ เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวที่จะถูกปลดได้อย่างไร
"เท่าที่ผมรู้ไม่เห็นว่าคุณพรรณีจะไปเกี่ยวอะไรด้วยเลย หรือเป็นเพราะทางผู้ถือหุ้นใหญ่ได้นัดคุยกับผู้บริหารของยูโอบีฯแล้ว วันนั้นทางคุณพรรณีและคุณเดชาติดธุระอยู่ ไม่ได้ไป ท่าทางผู้ถือหุ้นใหญ่โมโหมากคือไม่มาตามที่แกเรียกก็เลยเล่นก่อน
ตอนนั้นก็ไม่ได้ไปทั้งสองคน เพราะติดลูกค้าอยู่ ในวันที่ UOBKH ยื่น LOI(Proposed Brokerage Business Integration/Merger)เสร็จแล้ว ต่อมาทางเขาจะนัดทำ Due Diligence ถ้าจำไม่ผิดวันที่ 25 ก.พ.แล้วเช้าวันที่ 24 ก.พ. ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็บอกให้ผู้บริหารทั้งหมดไปหายูโอบีฯ ไปนั่งกินข้าวกับยูโอบีฯ ซึ่งมันกลายเป็นว่าทางยูโอบีฯอยากจะรู้ข้อมูลเยอะมาก ซึ่งทางผู้บริหารไม่ได้เตรียมข้อมูล ปรากฏว่าถามละเอียดยิบเลย นั่นเรื่องหนึ่ง
เรื่องที่สองก็คือ ทางยูโอบีฯอยากจะคุยกับคุณพรรณี และคุณเดชาด้วย แต่คราวนี้บอกนัดกะทันหัน ซึ่งซ้อนกับนัดที่ผู้บริหารทั้งสองคนคุยกับลูกค้าอยู่ ทำให้เขาไปไม่ได้ แล้วผู้ถือหุ้นใหญ่รายนั้นก็เอาไปพูดในบอร์ดว่าเรียกให้ไปหายูโอบีฯแล้วไม่ไป และไม่รับรู้ว่าเป็นนัดกับลูกค้า ก็มีการต่อว่ากัน ซึ่งทางคุณพรรณีกับคุณเดชาก็บอกว่าลูกค้าของเขาคือพระเจ้า
คิดว่าน่าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความไม่พอใจ ทำให้เป็นกระแสข่าวมาว่าคุณพรรณีและคุณเดชา จะถูกปลดด้วย เพราะนอกจากนี้แล้วผมก็ไม่เห็นว่าแกจะไปยุ่งอะไร แล้วคุณพรรณีก็ทำงานอย่างเดียว"