ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ร่วง 122.42 จุด เหตุวิตกหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday March 21, 2009 07:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) หลังจากที่นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ของบริษัท เจนนอรัล อิเล็กทริก (GE) และการคาดการณ์ที่ว่าแบงค์ ออฟ อเมริกา จะขาดทุนทั้งในปีนี้และปีหน้า ประกอบกับนักลงทุนกังวลว่าแผนการเข้าซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อตามมา

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 122.42 จุด หรือ 1.7% แตะที่ 7,278.38 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 15.51 จุด หรือ 2% แตะที่ 768.54 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 26.21 จุด หรือ 1.8% แตะที่ 1,457.27 จด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กหนักหน่วงที่ 2.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1

หุ้นจีอีร่วง 5.8% หลังจากที่นักวิเคราะห์หลายสำนัก อาทิ นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ป เครดิต สวิส มอร์แกน สแตนลีย์ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในปีนี้ลง จีอีจะออกมายืนยันก่อนหน้านี้ว่า ธุรกิจไฟแนนซ์ของจีอี แคปิตอล ไม่จำเป็นต้องใช้หรือขอเงินทุนจากภายนอกเพิ่มเติม และหากเกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุดขึ้นมา จีอี แคปิตอล ก็ยังคงจะสามารถดำเนินกิจการให้คุ้มทุนได้

ขณะที่หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา เวลส์ฟาร์โก แอนด์ โค และเจพีมอร์แกนเชส แอนด์ โค เป็นแกนนำในการร่วงลงของหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ร่วง 11% หลังจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารจะขาดทุนในปีนี้และปีหน้า หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ตกลง 9.3% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดิ่งลง 7.2%

ไมเคิล บิงเกอร์ ผู้จัดการการลงทุนของ Thrivent Investment Management กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวในตลาดโดยรวมนั้นกำลังส่งสัญญาณให้เห็นว่า เศรษฐกิจกำลังดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากที่หุ้นจะกลับมาดีดตัวขึ้นหลังจากนี้ เพราะการคาดการณ์ในตลาดก็ตกลงไปมากแล้วก่อนหน้านี้



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ