นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทคาดว่าจะได้งานไม่ต่ำกว่า 20-30% จากที่จะเข้าร่วมประมูลงานอีก 3-4 พันล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนให้ TRC มีงานสะสมในมือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
อีกทั้งในปีนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งงานด้านก่อสร้างและวิศวกรในงานวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ในกลุ่มธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งเป็นงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ งานด้านวางแผนวิศวกรรม และพัฒนาโครงการ ทั้งทางด้านอสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมี ในลักษณะ Turn Key นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสในการขยายงานในต่างประเทศควบคู่กันไปด้วย โดยที่ผ่านมาได้เข้าร่วมกับพันธมิตรเสนองานโครงการวางท่อก๊าซ ในประเทศโอมาน และยังเสนองานในประเทศเพื่อนบ้าน คือ สาธารณรัฐพม่า โดยได้รับงาน Long Term Contract for Piping and Steel Structural Works และ Steel Structure Support Flame For Wind Turbine บนแท่นจุดเจาะน้ำมัน YADANA COMPLEX จาก Total E&P Myanmar ด้วย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และหลังจากนี้คาดว่าจะได้รับงานอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
"ในปี 2552 งานในประเทศยังเป็นตลาดหลักของเรา โดยเฉพาะงานวางท่อก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นงานที่เราถนัดและฝากฝีมือในวงการนี้มายาวนาน ในปีนี้ก็ยังมีต่อเนื่องและมีงานใหม่เข้ามาเพิ่มด้วย โดยนอกจากงานท่อขนาดเล็กเพื่อส่งไปยังผู้ใช้ปลายทาง หรือ Distribution Pipeline จาก บมจ. ปตท. ที่เป็นงานหลักแล้ว คาดว่าในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 บริษัทฯ จะร่วมกับพันธมิตร CPP (บริษัท ไซน่า ปิโตรเลียม ไพพ์ไลน์ บูโร หรือ CPP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ไซน่า ปิโตรเลียม คอร์เปอเรชั่น หรือ CNPC เป็นกลุ่มบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน) เข้าร่วมประม ลโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 4 เป็นท่อก๊าซขนาด 36 และ 42 นิ้ว เพื่อรองรับก๊าซจากโครงการสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG Terminal และรองรับโรงไฟฟ้าผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ซึ่งมีกำหนดไฟฟ้าเข้าสู่ระบบในปี 2555 อีกทั้งยังมีงานก่อสร้างสถานี NGV ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รองรับรถที่ใช้ NGV ต่อเนื่องจากงานที่บริษัทฯ ได้รับมาในปี 2551 จำนวน 14 สถานีด้วย" นายสมัย กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังคงมุ่งที่จะศึกษาและเข้าลงทุนในโครงการที่จะนำมาซึ่งรายได้ที่ต่อเนื่องในระยะยาวให้กับบริษัทฯ ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท เจตาแบค จำกัด ผู้ผลิตและประกอบโลหะขึ้นรูป อาทิเช่น boiler, pressure vessel, and heat exchanger จัดตั้ง บริษัท ไทยเพรสเซอร์เวสเซิลแอนด์สตีลเวิร์ค จำกัด ขึ้นเพื่อผลิตและประกอบผลิตภัณฑ์โลหะขึ้นรูป ดังนั้น หากพิจารณาจากงานที่มีอยู่ในมือในปัจจุบัน โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อย (บริษัท สหการวิศวกร จำกัด) มีงานในมือรวมกันทั้งสิ้น 23 โครงการ รวมมูลค่า 1,501.50 ล้านบาท และงานที่บริษัทฯ จะเข้าร่วมประมูลในปีนี้ เชื่อว่าจะสนับสนุนให้รายได้ในปี 2552 ของบริษัทฯ เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนได้ ถึงแม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวก็ตาม