นายประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เด็มโก้(DEMCO)กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 2.7 พันล้านบาท ถึงแม้ในช่วงไตรมาส 1/52 จะมีลูกค้าที่ยกเลิกการเซ็นสัญญาในงานโครงเหล็ก 3 โครงการ มูลค่า 400 กว่าล้านบาท แต่ในช่วงของไตรมาส 2/52 และไตรมาส 3/52 ก็จะกลับมา เพราะเป็นช่วงซีซั่นของธุรกิจ
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/52 คาดว่าจะรับรู้รายได้จากงานที่บริษัทได้มีการยื่นเสนอราคาไปแล้ว 3,122.47 ล้านบาท คาดว่าจะได้งานประมาณ 40% และยังมีงานที่บริษัทเตรียมเสนอราคาอีก 2,292.68 ล้านบาท จากงานประมูลทั้งหมด 5,415.15 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมี Backlog ที่จะทยอยรับรู้ทั้งหมดในปีนี้ 1,518.22 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากที่ลูกค้าได้ยกเลิกเซ็นสัญญางานโครงเหล็ก ทำให้บริษัทหันมารุกในงานขายมากขึ้นในปีนี้ โดยวางเป้าหมายรายได้ที่จะมาจากงานขาย 600 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 400 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อนที่มีรายได้จากงานขาย 300 ล้านบาท
นายประเดช กล่าวว่า การที่บริษัทเน้นงานขายจะช่วยชดเชยงานที่ลูกค้ายกเลิกไป ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากลูกค้าถูกระงับสินเชื่อ โดยบริษัทจะย้ายพนักงานฝ่ายอื่นมาช่วยด้านงานขายเพิ่มขึ้นประมาณ 15% ของพนักงานทั้งหมด แต่ในช่วงไตรมาส 3/52-ไตรมาส 4/52 งานจะกลับมาเหมือนเดิม ก็อาจจะมีการรับพนักงานเพิ่ม
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญการรับงานภาครัฐเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 50% จากปีก่อนที่ 20% ขณะที่ภาคเอกชนจะลดลงเหลือ 50% จาก 80% เนื่องจากประเมินว่าโครงการของภาครัฐที่จะออกมาในปีนี้มีจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงภายใต้เศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ในอีกด้านการเพิ่มสัดส่วนงานภาครัฐจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ปรับตัวลดลงต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 18%
"ปีนี้งานไหนทำได้ก็จะต้องทำและเร่งในการเซ็นสัญญาให้เร็ว รวมถึงการรุกในงานขายให้มากขึ้น เพราะจะทำให้เราอยู่ได้" นายประเดช กล่าว
นายประเดช กล่าวต่อว่า ส่วนการรับเหมางานโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม ซึ่งบริษัทในฐานะผู้ร่วมพัฒนาโครงการและเป็นผู้ก่อสร้าง อยู่ในขั้นตอนของการออกแบบเฟสแรกที่น่าจะได้เห็นในปีนี้ ขนาด 60 เมกะวัตต์ โดยเป็นโครงการของซัสเทนเอเบิล เอนเนอยี คอร์ปอเรชั่น ซึ่ง DEMCO ถือหุ้นอยู่ 4% ซึ่งมีแนวโน้มว่าทางบมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH ) สนใจจะถือหุ้นเพิ่มจากที่ถืออยู่ 26% ขณะเดียวกันก็มีรายอื่นสนใจจะเข้ามาถือด้วย เนื่องจากมองว่าธุรกิจพลังงานลมในอนาคตจะเติบโตได้ดี และมีความจำเป็นต่อไปในอนาคต
บริษัทมีเป้าหมายในการรับงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า มูลค่าราว 2-3 พันล้านบาท อยู่ระหว่างเจรจาในเฟส 2 ซึ่งคาดว่าจะสรุปรับงานได้ไตรมาส 2/52 แต่ได้เห็นในปี 53
"พลังงานลม ถือเป็นการสร้างรายได้ในระยะยาวนอกเหนือจากธุรกิจที่ทำอยู่ และมีมาร์จิ้นสูง ซึ่งจะต่อยอดให้กับบริษัทในอนาคตได้" นายประเดช ระบุ
ขณะที่การขยายธุรกิจออกไปรับงานต่างประเทศนั้น ขณะนี้บริษัทยังไม่สนใจรับงานก่อสร้างหรือออกไปลงทุนเอง แต่จะใช้ในลักษณะงานขาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในงานขายเสาโทรคมนาคมและงานสายส่ง เฟส 2 ของกัมพูชา หลังจากได้งานเฟส 1 ไปแล้ว 60-70 ล้านบาท