นายวิโรจน์ บุญศิริรุ่งเรือง กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.แม็ทชิ่ง สตูดิโอ(MATCH)เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทจะพยายามรักษารายได้และกำไรสุทธิให้ได้ใกล้เพียงกับปีก่อนที่สามารถพลิกมามีกำไรได้หลังจากบริษัทประสบปัญหาขาดทุนติดต่อกันมา 3 ปี เพราะไม่มีภาระหนักใจเรื่องหนี้สินเหมือนที่ผ่านมา อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)เหลือแค่ 0.35 เท่า จากเดิม 0.6 เท่า เมื่อตอนต้นปี 51 และบริษัทไม่มีขาดทุนสะสม ทำให้เราสามารถจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้เลยในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น
"ปีนี้ก็จะกำไร ไตรมาสแรกก็กำไร เพราะโครงสร้างบริษัทเรา Clean หมดแล้ว คืนหนี้ไปเกือบ 100 ล้านบาท แทบจะหมดแล้ว ขยะไม่มีแล้ว ปัญหาเก่าๆ ผมล้างตัดสำรองค่าเผื่อไว้หมดแล้ว Book Value ตั้ง 1.90 บาท เกือบ 2 บาท
..เราคิดว่าถ้าเศรษฐกิจยังเป็นอย่างนี้ และเราไม่มีภาระอะไรที่หนักใจ เราเองก็น่าจะยืนได้ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ โดยคาดว่าทั้งปีน่าจะใกล้เคียงปีที่แล้ว ใกล้เคียงก็โอเคแล้ว นี่มองแบบ Conservative แต่ถ้าทุกอย่างเอื้ออำนวยก็น่าจะบวกได้เยอะ แต่เราไม่อยากมั่นใจเศรษฐกิจมากเกินไป ทุกคนบอกว่าเศรษฐกิจจะติดลบ แต่เราบอกว่าเราจะดีก็กระไรอยู่นะ" นายวิโรจน์ ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"
*คาดได้เงินจากวอร์แรนต์ 140 ลบ.เข้าเทรด ต้น มิ.ย.52
นายวิโรจน์ กล่าวว่า จากนี้ไป MATCH จะไม่กลับขาดทุนอีกแล้ว โดยจะเดินหน้าทำธุรกิจเดิมและมองหาธุรกิจใหม่ที่จะช่วยสร้างรายได้และผลกำไรอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทไม่มีภาระหนี้สินแบบมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานอีกแล้ว อีกทั้งบริษัทมีสภาพคล่องเรื่องกระแสเงินสดหลักร้อยล้าน สามารถรองรับการทำธุรกิจได้อย่างสบาย และเร็วๆ นี้ก็จะมีเงินจากการแปลงสภาพวอแรนต์ MATCH-W2 เข้ามาอีก
สำหรับการออกวอร์แรนต์ล็อตใหม่ MATCH-W2 จำนวนไม่เกิน 104,135,029 หน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นสามัญเดิม 2 หุ้นต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ เนื่องจากวอร์แรนต์เดิม MATCH-W1 นั้นหมดอายุลง ส่วน MATCH-W2 นี้ ทาง"บีบีทีวี" ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ประมาณ 27% ก็ยังสามารถใช้สิทธิได้เช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ
ทั้งนี้ คาดวอร์แรนต์ MATCH-W2 ได้เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้น มิ.ย.52 และคาดว่าจะได้เงินจากการออกวอแรนต์ประมาณ 140 ล้านบาท ประกอบกับยังมีกระแสเงินสดในมือเพียงพอที่จะใช้ขยายธุรกิจใหม่
*ลุยธุรกิจใหม่ สื่อไร้สาย-ท่องเที่ยว ต่อยอดของเดิม, ปีนี้สวนสนุกมาแน่
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ธุรกิจใหม่ที่มองอยู่ เช่น ธุรกิจสื่อไร้สาย สื่ออินเทอร์เน็ต หรือธุรกิจท่องเที่ยวที่จะสามารถนำมาต่อยอดกับธุรกิจเดิมที่บริษัททำอยู่
ปี 51 MATCH มีรายได้มาจากการรับจ้างถ่ายหนัง-โฆษณา 50%, ธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายทำโฆษณา 20%, ธุรกิการผลิตรายการโทรทัศน์ 15%, สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น นิตยสาร Cheese และสินค้าที่เป็นแบรนด์ Cheese ประมาณ 7-8% และที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจอีเว้นท์
แต่ปีนี้มีแผนจะปรับลดรายได้จากการรับจ้างถ่ายทำหนัง-โฆษณาลงเหลือ 40% และไปเพิ่มในส่วนของรายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์ เป็น 25% และเพิ่มรายได้จากการผลิตรายการทีวีป้อนสถานีโทรทัศน์เป็น 20%
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในส่วนของการผลิตรายการให้ช่อง 7 นั้น ล่าสุดได้ยื่นเสนอรายการใหม่ไปอีก 2-3 รายการ คาดรู้ผลและเริ่มออกอากาศในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้เวลาออกอากาศรวมเพิ่มขึ้นจากประมาณ 60 ช.ม./ปีในปัจจุบันที่บริษัทผลิตรายการออกอากาศทางช่อง 7 คือ ปลดหนี้ภาคปกติ ออกอากาศบ่ายวันเสาร์ และปลดหนี้ ภาควันหยุดพิเศษ-วันนักขัตฤกษ์ และ รายการคบเด็กสร้างบ้าน
"รายการใหม่ก็คงจะมาแนวที่เราถนัด เพราะตลาดต่างๆ ทำอะไรยาก เศรษฐกิจแบบนี้ทำโฆษณายาก ยังไม่กล้าทำรายการฉีกแนวยาก และถ้าพูดถึงในแวดวงธุรกิจสื่อ แต่ละคนก็เน้นไปคนละอย่าง บางคนเน้นผลิตรายการ บางรายเน้นจัดอีเว้นท์ แต่เราทำทุกอย่างที่คนอื่นทำ พูดได้ว่าเราแข่งกับทุกคน"นายวิโรจน์ กล่าว
นอกจากนี้ ปลายปีนี้คนไทยได้คลายเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองที่วุ่นวายด้วยสวนสนุกขนาดยักษ์จากต่างประเทศ หลังพลาดหวังมาจากปีที่แล้ว เพราะช่วงนั้นทางเจ้าของลิขสิทธิ์มีปัญหาด้านการเงิน ไม่เกี่ยวกับเรา ซึ่งหากสวนสนุกมาจริง บริษัทไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่อำนวยความสะดวกให้ ติดต่อสถานที่ ตรงกันข้ามเราจะได้ค่าบริหารการจัดการ เบื้องต้น 20 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไร ซึ่งรวมๆ แล้วบริษัทจะได้กำไรจากรายการนี้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท
"ปลายปีน่าจะเหมาะเพราะทางนั้นต้องไปทัวร์รอบโลกด้วย และช่วงนั้นเรามีเทศกาลที่เหมาะ เช่น ลอยกระทง คริสต์มาส ปีใหม่ วันเด็ก และก็อากาศเย็น ค่อนข้างมั่นใจว่าจะได้เห็นปีนี้ ครั้งก่อนสัญญาเซ็นไปแล้ว แต่ตอนนั้นทางเขามีปัญหาการเงิน แต่เราเป็นคนรับจ้าง เราได้กำไรแน่ๆ อยู่แล้ว 20 ล้านบาท ถ้ามาจริงกำไรเราโตกว่าปีที่แล้วแน่"นายวิโรจน์ กล่าว