นายอิสรา ศิวะกุล รองประธานและผู้จัดการทั่วไป บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส(HANA) ยอมรับว่า ในปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้คาดว่ายอดขายในปี 52 จะลดลงราว 25-30% จากปีก่อนที่มียอดขายราว 1.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากคำสั่งซื้อหดตัวลงอย่างมาก โดยเฉพาะ IC ลดลง 45% แต่บริษัทยังหวังที่จะมีกำไรจากคาดการณ์ EBITDA ที่ 2.8 พันล้านบาทใกล้เคียงกับปี 51
ช่วงที่ผ่านมาบริษัทดำเนินการลดค่าใช้จ่ายทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดจำนวนพนักงานเหลือ 7.6 พันคน จาก 9.1 พันคน และลดเงินเดือนผู้บริหารลง 20% เป็นต้น ทำให้บริษัทสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายปีละ 430 ล้านบาท จึงหวังว่าจะมีส่วนช่วยให้บริษัทมีกำไรได้ในปีนี้ด้วย
"การประมาณการรายได้และกำไรเป็นระยะ 1-2 เดือน เพราะภาวะยังผันผวนสูง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่ผมทำงานมาที่เศรษฐกิจโลกวิกฤติหนักขนาดนี้ ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักรองจากกลุ่มยานยนต์ แต่ยังมั่นใจว่าไตรมาส 3 demand จะกลับมา" นายอิสรา กล่าว
นายอิสรา คาดว่าในปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ PCBA 60-70% ส่วน IC คาดว่าจะอยู่ที่ 30-40% ซึ่งคำสั่งซื้อ IC ปรับลดลงไปมาก เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนที่ใช้ในคอมพิวเตอร์และอิเลคทรอนิคส์ที่ความต้องการซื้อหายไป บริษัทจึงเดินเครื่องผลิตเพียง 55% ที่โรงงานใน จ.อยุธยา และโรงงานที่เจียชิงในจีน 30% ซึ่งบริษัทยังถือว่าระดับการผลิตที่ 55% ยังอยู่ในจุดที่ค้มทุน
ส่วน PCBA การใช้กำลังผลิตที่โรงงานใน จ.ลำพูน และโรงงานที่เจียชิงอยู่ที่ 85-90% เนื่องจากตลาด PCBA ยังคงมีความต้องการอยู่ แต่ยอมรับว่าชิ้นส่วน PCBA มีอัตรามาร์จิ้นต่ำกว่า IC อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อว่าสัดส่วนรายได้และการผลิตในปัจจุบันจะทำให้บริษัทสามารถรักษากำไรได้
และบริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาส 3/52 รายได้จะกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง แต่ภาพรวมแล้วยังคงต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน และไตรมาส 4/52 คาดว่ารายได้จะดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีก่อนเกิดภาวะช็อคของคำสั่งซื้อเนื่องจากความกังวลในปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ
ขณะนี้บริษัทจะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ จะมีก็เพียงการซื้อเครื่องจักรบางส่วนและปรับปรุงเครื่องจักร ซึ่งจะใช้เงินไม่มาก เพื่อรักษากระแสเงินสดในมือที่ปัจจุบันมีอยู่ 4.6 พันล้านบาทเอาไว้เตรียมพร้อมรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ และบริษัทมีการศึกษาการเข้าควบรวมกิจการกับผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ขนาดเล็ก ซึ่งหากมีโอกาสดีก็จะดำเนินการทันที
นายอิสรา กล่าวต่อว่า หลังจากนี้บริษัทไม่มีแผนจะลดบุคลากรเพิ่ม เนื่องจากการลดคราวก่อน 16% ถือว่าเพียงพอและเหมาะสมต่อการควบคุมค่าใช้จ่าย และการลดพนักงานทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่จะต้องชดเชย โดยในไตรมาส 1/52 จะมีบันทึกค่าใช้จ่ายในกาปรรับลดพนักงานประมาณ 40 ล้านบาท
ปัจจุบันมีการทำงานของพนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 5 วันครึ่ง จากเดิมในช่วง ม.ค.ที่ 5 วัน ถือว่าแนวโน้มดีขึ้นและเชื่อว่าในไตรมาส 3/52 จะมีการทำงานเพิ่มขึ้น เพราะคาดว่าความต้องการซื้อจะกลับมาเนื่องจากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลก และการทำโปรโมชั่นของผู้ขายอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ต่างๆ น่าจะช่วยให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ได้รับผลดีไปด้วย