นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) คาดว่าบริษัทจะต้องเลื่อนการลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามออกไปอย่างน้อย 2 ปี เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะต้องใช้เงินลงทุนสูง และแหล่งเงินส่วนใหญ่มาจากโปรเจ็คต์ไฟแนนซ์ แต่ความร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นยังไม่ได้ล้มเลิกไป
"ต้องยอมรับว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้รุนแรง และโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ต้องใช้ทุนสูง เราใช้โปรเจ็คต์ไฟแนนซ์ทั้งหมด เราคงต้องชะลอโครงการออกไปอย่างน้อย 2 ปี"นายกานต์ กล่าว
นอกจากนั้น ในปีนี้คณะกรรมการบริษัทจะไม่มีการพิจารณาโครงการลงทุนขนาดใหญ่ใหม่ ๆ โดยเฉพาะในด้านปิโตรเคมี เนื่องจากขณะนี้ก็ยังมีโครงการส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเพื่อขยายกำลังการผลิตที่จะเริ่มทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ไตรมาส 2/53
แต่บริษัทก็ยังมองโอกาสของการขยายธุรกิจด้วยกการซื้อกิจการ(M&A) ซึ่งขณะนี้มีธุรกิจในภูมิภาคอินโดจีนที่เข้ามาเสนอตัวให้พิจารณาแล้ว 3 ราย
นายกานต์ กล่าวว่า กรณีที่เขตมาบตาพุดประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษไม่มีผลกระทบต่อบริษัท และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมสูงกว่ามาตรฐานอยู่แล้ว และปีนี้จะใช้งบเพิ่มอีกประมาณ 200-300 ล้านบาทในการดำเนินการเรื่องนี้ต่อเนื่องเพื่อเพิ่มมาตรฐานให้สูงขึ้นไปอีก จากในช่วงปี 50-51 ที่ใช้เงินงบสำหรับเรื่องนี้แล้ว 1,100 ล้านบาท
"เรื่องมาบตาพุดไม่มีผลกระทบกับเรา โรงงานทั้งหมดที่เรามีอยู่ยึดเรื่องมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ทุกโครงการที่ผ่านการอนุมัติ เราก็ดูเรื่องนี้ ถ้าโครงการไหนดูแลเสิ่งแวดล้อม และผลตอบแทนโครงการไม่ผ่านก็ไม่ทำ"นายกานต์ กล่าว
ทั้งนี้ สิ่งที่บริษัทดำเนินการเป็นหลักตั้งแต่ปี 50 ได้แก่ การลดไนโตรเจนออกไซด์ ซึ่งทำได้ดีกว่ามาตรฐาน EIA สูงกว่า 26% และปีนี้มีเป้าหมายจะปรับลบไนโตรเจนออกไซด์เพิ่มอีก 20% ซึ่งคาดใช้งบ 140 ล้านบาท, สารอินทรีย์ระเหย (VOC) บริษัททำได้สูงกว่ามาตรฐาน, ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี บริษัทลดปริมาณน้ำทิ้ง