นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (KEST) และในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการปรับโครงสร้างหนี้ บริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) คาดว่า กระบวนการเพิ่มทุน TSFC จะแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.52 หลังจากที่เจ้าหนี้ได้มีการลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้
ทั้งนี้ เจ้าหนี้จะได้รับการชำระหนี้คืน 93.7% จากมูลหนี้ 8.7 พันล้านบาท โดยจะมีการชำระก้อนแรก 52% ของมูลหนี้ในเดือนเม.ย.52 ส่วนก้อนสุดท้ายจะครบกำหนดในวันที่ 21 มิ.ย.53 นอกจากนี้จะมีการแปลงหนี้เป็นทุนสัดส่วน 3.5% ของมูลหนี้หรือคิดเป็น 30% ของทุนจดทะเบียนใหม่ที่ 1,000 ล้านบาท
การที่เจ้าหนี้จะแปลงหนี้เป็นทุนและจะได้รับส่วนลดการปรับหนี้(แฮร์คัต) TSFC ได้นั้นจะต้องดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนล็อตใหม่ให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งจะทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่เปลี่ยนเนื่องจากหลังจากการใส่เงินเข้าไปของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ซึ่งจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทันที และหลังจากนั้นจะมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นใหม่เพื่อจัดโครงสร้างคณะกรรมการใหม่และฝ่ายบริหารใหม่ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะดำเนินการภายใน 31 ก.ค.52 ขณะเดียวกันตลท.ก็จะส่งผู้บริหารระดับสูงเข้าไปดูแล
สำหรับการใส่เงินเพิ่มทุนล็อตใหม่ ประกอบด้วย ตลท. 250 ล้านบาท กระทรวงการคลัง 100 ล้านบาท กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ 150 ล้านบาท กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 137.5 ล้านบาท และผู้ถือหุ้นจะมีทุนเดิมหลังลดทุน 62.50 ล้านบาทและมีการแปลงหนี้เป็นทุนไม่เกิน 300 ล้านบาทซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินในการเพิ่มทุนตามที่วางไว้ 1 พันล้านบาท
นายมนตรี กล่าวว่า ตามแผนฟื้นฟูกิจการทาง TSFC จะดำเนินธุรกิจเสริมทั้งการให้ยืมใบหุ้น(SBL) ตลาดซื้อคืนพันธบัตรล่วงหน้า (Repo) โดยบบจะลดบทบาทของพอร์ตการลงทุนลง ขณะเดียวกันก็จะมอบหมายให้บริษัทจัดอันดับเครดิตประเมินอันดับ TSFC ใหม่จากที่ก่อนหน้านี้ TSFC ถูกลดอันดับมาอยู่ในเกรดที่ไม่สามารถคืนหนี้ได้ ซึ่งก็จะสอดคล้องกับแผนในการที่จะนำ TSFC เข้าจดทะเบียนในตลท. ใน 2-3 ปีข้างหน้าด้วย