นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย(KTC) กล่าวว่า ไม่กังวลว่าสถานะของบริษัทจะแปรสภาพกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจหากธนาคารกรุงไทย(KTB) จะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดียวที่ใช้สิทธิ์เพิ่มทุน และเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงาน เพราะก่อนหน้าที่บริษัทจะกระจายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นรัฐวิสาหกิจมาก่อน จึงไม่น่าที่จะมีปัญหา
อย่างไรก็ตาม หากมีการแปรสภาพกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจจริงก็ต้องเสนอขอยกเว้นกฎระเบียบบางเรื่องภายใต้กรอบของรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้มีความคล่องตัวสามารถที่จะแข่งขันกับภาคเอกชนได้เหมือนกรณีของ บมจ.ปตท.(PTT)
"ต้องดูเรื่องของความสามารถ และวิธีการแข่งขัน การทำตลาด เหมือนกรณีของ ปตท. หรือ ปตท.สผ.ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่มีอัตราการเติบโตที่ดี ไม่เห็นว่าการเป็นรัฐวิสาหกิจจะทำให้เกิดปัญหา" นายนิวัตต์ กล่าว
นายนิวัฒต์ ยอมรับว่า จากเงื่อนไขการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 7,000 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นบางรายอาจยังไม่มีความพร้อม แต่วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนจะทำให้หนี้สินต่อทุน(D/E)ปรับลดลงจาก 7.5% ลงมาอยู่ที่ 4.1% ก็ถือเป็นระดับที่น่าพอใจ และทำให้สถานะของบริษัทมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลให้เครื่องมือในการเสริมสภาพคล่องมีไม่มากนัก และหากจะมีการเพิ่มทุนก็ถือเป็นวิธีที่เหมาะสมกับจังหวะเวลา โดยไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องเหมือนสถาบันการเงินในต่างประเทศจนรัฐบางต้องเข้ามาช่วยเหลือ และยังเป็นช่องทางในการขยายสินเชื่อของบริษัทด้วย