นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายพัดลมไอน้ำหรือระบบทำความเย็นภายนอกอาคาร โดยใช้ตราสินค้า“MASTERKOOL" เปิดเผยว่า กองทุน K-SME Venture Capital จะร่วมลงทุนในบริษัทเพื่อขยายกำลังการผลิตให้ธุรกิจเดินหน้า ก่อนจะเดินหน้าแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในปี 54 คาดว่าจะได้เงินจากการระดมทุน 50 ล้านบาท จะนำมาขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีก
ในระยะแรก K-SME Venture Capital จะร่วมลงทุนประมาณ 8.80 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.91% ของทุนจดทะเบียน เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาและผลิตสินค้าใหม่ในไตรมาส 3/52 และหลังจากนั้นบริษัทจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม ซึ่งทาง K-SME จะใส่เงินก้อนที่ 2 เข้ามาร่วมลงทุนเป็น 20-30 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร่วมลงทุนไม่เกิน 20%
นายนพชัย กล่าวว่า ในปี 52 มาสเตอร์คูลคาดว่าจะมีการเติบโตของรายได้ในระดับใกล้เคียง 200 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิปี 52 จะมากกว่า 20 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัท มาสเตอร์คูล มีทุนจดทะเบียน 44.40 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น โดยปี 2550 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 112.61 ล้านบาท และในปี 2551 มีรายได้รวมเท่ากับ 135.10 ล้านบาท โดยในปี 2552 บริษัทคาดว่าจะมียอดรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2551 กว่าเท่าตัว
ด้าน นางสาวปฐมาพร ไชยกูล กรรมการผู้จัดการ บลท.ข้าวกล้า ในฐานะผู้บริหารจัดการ K-SME Venture Capital กล่าวว่า บริษัทมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกลงทุนในบริษัทอย่างเข้มงวด ซึ่งบริษัทฯ หรือธุรกิจที่กองทุนได้เข้าไปร่วมทุนนั้น จะต้องเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูง และเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เช่นเดียวกันกับบริษัท หรือธุรกิจอื่นๆ ที่กองทุนเคยเข้าไปลงทุน
ปัจจุบัน ข้าวกล้าได้เข้าร่วมลงทุนใน 9 บริษัท รวมถึงมาสเตอร์คูล คาดว่าจะสามารถทั้ง 9 บริษัทจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ได้ไม่น้อยกว่า 4 บริษัทใน 1-2 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย บริษัท บัณฑิตเซ็นเตอร์ เข้าของเว็บไซต์กระปุกดอทคอม, บมจ.ยูบิลลี่, บริษัท ฮิวแมนิก้า และ บริษัท มาสเตอร์คูล ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแผนการดำเนินงานของบริษัท