บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ ระบุว่า ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล"เช็คช่วยชาติ"มูลค่า 2,000 บาท จะถึงมือลูกค้า 10.4 ล้านคนที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาทตั้งแต่วันนี้(26 มี.ค.)จนถึง 8 เม.ย.52 งบประมาณรวมของมาตรการนี้อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท(ต่ำกว่า 1% ของการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งหมด)อาจไม่เพียงพอที่จะส่งผลกระทบอย่างนัยสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่มาตรการนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในระยะสั้นช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้
ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกประเภทอาหารยังคงสามารถต้านทานจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้ดีอยู่ในปัจจุบัน จึงคาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการใหม่ ๆ มากขึ้น เพื่อที่จะกระตุ้นการบริโภคและสนับสนุนอุตสาหกรรมค้าปลีก ท่ามกลางปีที่ยุ่งยากเช่นในปีนี้ จึงคงน้ำหนักการลงทุน"มากกว่าปกติ"สำหรับกลุ่มค้าปลีก(COMMERCE)หุ้นที่ชอบสุดในกลุ่มนี้คือ CPALL โดยมีเป้าหมายราคาหุ้น 14.5 บาท
ผู้ค้าปลีกอย่างน้อย 21 รายได้ลงนามอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลสำหรับมาตรการ"เช็คช่วยชาติ"โดยการเพิ่มมูลค่าเช็คขึ้นอีก 10-20% ด้วยเงินสด/คูปอง และประโยชน์อื่น ๆ สำหรับการใช้จ่ายภายในร้านค้า ผู้ประกอบการเช่น ห้างสรรพสินค้าแบบ hypermarket ซึ่งมีเครือข่ายขนาดใหญ่และมีเป้าหมายลูกค้าเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย น่าจะช่วยให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในไตรมาส 2/52 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย
ปิดเทรดช่วงเช้าวันนี้(26 มี.ค.)ดัชนีกุ้นกลุ่ม COMMERCE ปรับตัวขึ้น 0.32% มาอยู่ที่ 4,15847 จุด เพิ่มขึ้น 13.15 จุด
หุ้น ROBINS อยู่ที่ 6.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท(+2.46%)มูลค่าซื้อขาย 1.59 ล้านบาท
หุ้น HMPRO อยู่ที่ 4.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท(+1.50%)มูลค่าซื้อขาย 0.43 ล้านบาท
หุ้น MAKRO อยู่ที่ 66.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท(+0.76%)มูลค่าซื้อขาย 4.30 ล้านบาท
หุ้น BIGC อยู่ที่ 40.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 1.79 ล้านบาท
หุ้น CPALL อยู่ที่ 12.40 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 33.77 ล้านบาท