นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรคกูเลเตอร์ หรือ กกพ.)เปิดเผยว่า กกพ.ได้อนุมัติอัตราค่าบริการส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นจาก 19.7447 บาทต่อล้านบีทียู เป็น 21.7665 บาทต่อล้านบีทียู หรือเพิ่มขึ้น 2.0218 บาทต่อล้านบีทียู โดยเป็นการปรับขึ้นในส่วนของต้นทุนคงที่(Td)1.2524 บาทต่อล้านบีทียู และการปรับขึ้นในส่วนของต้นทุนผันแปร(Tc)0.7694 บาทต่อล้านบีทียู โดยมีผลสำหรับการจัดเก็บตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.52 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การปรับอัตราครั้งนี้ได้ลดลงจากข้อเสนอของบมจ.ปตท.(PTT) ที่เท่ากับ 22.5726 บาทต่อล้านบีทียู จำนวน 0.8061 บาทต่อล้านบีทียู โดย กกพ. ได้ให้ความเห็นชอบให้ปรับอัตราค่าบริการในส่วนของต้นทุนคงที่ (Td) เป็น 20.6553 บาทต่อล้านบีทียู ลดลงจากข้อเสนอของ ปตท. ที่เท่ากับ 21.4614 บาทต่อล้านบีทียู จำนวน 0.8061 บาทต่อล้านบีทียู
กกพ. ได้มีการพิจารณาให้มีการปรับลดมูลค่าการลงทุนและบำรุงรักษาในส่วนของท่อส่งก๊าซธรรมชาติให้สามารถขยายอายุการใช้งานออกไป จาก 91,556 ล้านบาท เหลือ 61,283 ล้านบาท และให้มีการชะลอการลงทุนบางโครงการตามแผนแม่บทระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ฉบับที่ 3 (ปรับปรุงเพิ่มเติม) เป็นจำนวนเงิน 12,706 ล้านบาท
นอกจากนี้ กกพ.ให้ความเห็นชอบให้ปรับอัตราค่าบริการในส่วนของต้นทุนผันแปร (Tc) เป็น 1.1112 บาทต่อล้านบีทียู ตามที่ บมจ.ปตท. (PTT)เสนอ เนื่องจากอัตราที่เสนอมีความสอดคล้องกับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
นายดิเรก กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราค่าบริการส่งก๊าซธรรมชาติในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ และจะไม่ส่งผลต่อการปรับค่า Ft ในงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.52 ซึ่ง กกพ. ได้พิจารณาแล้วว่าในปี 52 นี้ ราคาก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงได้กำหนดให้มีการปรับอัตราค่าบริการส่งก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้หากไม่มีการลงทุนตามแผนที่กำหนด กกพ. จะพิจารณาเรียกเงินคืน และนำไปปรับลดค่าผ่านท่อต่อไป
ทั้งนี้ ปตท. ได้จัดทำแผนการลงทุนขยายโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ตามแผนแม่บทระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติฉบับที่ 3 พ.ศ.2544-2554 ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.50 และวันที่ 19 มิ.ย.50 ตามลำดับ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 165,077 ล้านบาท