ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 174.75 จุด ขานรับผลประกอบการกลุ่มค้าปลีก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 27, 2009 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่ามีผู้ให้ความสนใจเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอย่างคึกคัก ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องความสามารถของรัฐบาลในการระดมทุนเข้าโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 174.75 จุด หรือ 2.25% แตะที่ 7,924.56 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 18.98 จุด หรือ 2.33% แตะที่ 832.86 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 58.05 จุด หรือ 3.80% แตะที่ 1,587.00 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.81 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2,435 ต่อ 615 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.56 พันล้านหุ้น

เควิน เครเมอร์ นักวิเคราะห์จาก West End Financial Advisors ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 170 จุดและแตะที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ หลังจากบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ อาทิ เบสท์ บาย, คองอากรา ฟู๊ด และด็อกเตอร์ เพ็พเพอร์ สแนปเปิล กรุ๊ป รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 3.4% แตะที่ 1.656 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสถิติที่ปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และเป็นการทะยานขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2550 หลังจากยอดสั่งซื้อดิ่งลง 7.3% ในเดือนม.ค.

ส่วนยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 4.7% แตะระดับ 337,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หลังจากยอดขายอยู่ที่ 322,000 ยูนิตต่อปีในเดือนม.ค. และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงแตะระดับ 300,000 ยูนิต/ปี

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันและทำให้ช่วงขาขึ้นของดาวโจนส์ถูกสกัดลงในช่วงบ่าย หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 หดตัวลง 6.3% ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2525

นักลงทุนจับตาดูประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐจะประชุมร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ 12 สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในสหรัฐในวันศุกร์ที่ 27 มี.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งซีอีโอที่จะเข้าประชุมมีทั้ง นายวิกรม บัณฑิต ซีอีโอซิตี้กรุ๊ป นายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และนายลอยด์ แบลงค์เฟน ซีอีโอโกลด์แมน แซคส์

ทั้งนี้ หุ้นเบสท์ บายซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์พุ่งขึ้น 12.6% หุ้นวอล-มาร์ท สโตร์ส อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกสินค้าราคาถูกพุ่งขึ้นกว่า 2% ปิดที่ 52.76 ดอลลาร์ ส่วนดัชนี S&P หุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้น 4.4%

ขณะที่หุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น หลังจากโกลด์แมน แซคส์แนะนำนักลงทุนให้ซื้อหุ้นบริษัทรีเสิร์ช อิน โมชัน ลิมิเต็ด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ