นายสว่าง ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป(TOG) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"โดยคาดว่ารายได้รวมของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/52 เติบโตขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/51 ทั้งปียังเชื่อว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 5% จากปีก่อนที่ทำรายได้ 1.46 พันล้านบาท โดยขณะนี้ลูกค้าเก่าในตลาดสหรัฐแม้จะหายไปบ้าง แต่ก็ยังมีรายใหม่เข้ามาทดแทน ขณะที่บริษัทเน้นรักษาอัตรากำไรขั้นไว้ที่ 25% ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายและงดการลงทุนในโครงการใหม่ในระยะนี้
สำหรับพันธมิตรต่างชาติจากอังกฤษที่ถือหุ้นอยู่ 25.1% ยังมีความร่วมมือที่ดีต่อกัน และปัจจุบันก็ยังพอใจที่จะคงสัดส่วนหุ้นดังกล่าวไว้เพื่อการลงทุนระยะยาว ไม่ได้แสดงความประสงค์ที่จะซื้อหุ้นเพิ่มแต่อย่างใด
"พันธมิตรคงไม่มีเพิ่มรายเดียวก็พอแล้วถือ 25% แล้ว เป็นการลงทุนระยะยาว พูดชัดเจนตั้งแต่ต้นแล่วว่าถือยาว"นายสว่าง กล่าว
นายสว่าง กล่าวว่า ผ่านช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มาแล้วการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเป็นไปตามปกติ โดยเฉพาะในแง่รายได้ที่เคยทำได้ไตรมาสละประมาณ 400 ล้านบาท เลนส์พิเศษที่มีราคาสูงก็ยังขายได้ เพราะตลาดยังมีความต้องการอยู่ ดังนั้น ในแง่ยอดขายบริษัทจึงไม่กังวลมากนัก
และบริษัทยังคงสัดส่วนการส่งออกไว้ที่ 90% กว่าๆ เน้นตลาดสหรัฐและยุโรป พันธมิตรต่างชาติก็มีส่วนช่วยในการขายบ้างแต่ไม่ได้มีส่วนช่วยทั้งหมด แต่ถึงแม้ลูกค้าในบางส่วนจะหายไปบ้าง แต่ก็มีเข้ามาเพิ่มถัวเฉลี่ยกันไป ขณะที่ราคาขายนั้นขยับมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วประมาณ 5% ซึ่งจะใช้อัตราดังกล่าวตลอดทั้งปีนี้
"ลูกค้าเราค่อนข้างกระจาย อย่างสหรัฐมีบางลูกค้าที่หายไปบ้างแต่ก็มีลูกค้าใหม่มาเพิ่มจึงชดเชยกันไป ขณะที่คู่แข่งของเราก็ไม่ได้ชนกันอย่างจังๆ แต่ต่างคนต่างมีกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง" นายสว่าง กล่าว
ในแง่ของกำไรสุทธินั้น นายสว่าง กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ไว้ที่ 25% พร้อมทั้งเน้นที่การปรับลดค่าใช้จ่าย ซึ่งกำลังทำอยู่และจะทำต่อไปเรื่อยๆ นอกจากนั้น คงยังไม่มีการลงทุนโปรเจ็คต์ใหม่ แต่จะเน้นทำโปรเจกต์ที่ค้างอยู่ให้จบ ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ด้วยยิ่งต้องระวังตัวทำอะไรมากไม่ได้
ส่วนตัวโรงงานกำลังเพิ่มเนื้อที่การผลิตอีก 6,000 ตารางเมตรและอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะเสร็จเดือนก.ค.นี้ หลังจากนั้นก็เป็นการปรับปรุงให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเราก็พร้อมที่จะขยายในอนาคตเพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตต่อไป
นายสว่าง กล่าวว่า ในด้านฐานะทางการเงินยังมีความแข็งแกร่งพอสมควร เนื่องจากภาระหนี้น้อยมาก เพราะเราจ่ายหนี้คืนไปหมดตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว D/E ลดลงมาอยู่ในระดับ 0.02 เท่า ถือว่าน้อยมาก อีกทั้งยังมีเงินสดหมุนเวียนและสภาพคล่องโดยรวมก็ยังมีอยู่
ด้านราคาหุ้น TOG แกว่งตัวอยู่ในช่วง 2.80-3.00 บาทตามภาวะของตลาดรวม โดยราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(Book value) ซึ่งก็เป็นไปตามภาวะตลาดรวม เนื่องจากเลนส์เป็นสินค้าจำเป็นของผู้บริโภคอยู่แล้วจึงไม่กังวลมากนัก