ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 440.81 จุด เพิ่มขึ้น 1.41 จุด(+0.32%) มูลค่าการซื้อขาย 6,128 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนกรอบแคบสลับบวกและลบตลอดวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 441.92 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 438.70 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 169 หลักทรัพย์ ลดลง 112 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 125 หลักทรัพย์
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังทรง ๆ และปิดได้ในแดนบวก จากปัจจัยที่ทำให้ตลาดต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ ซึ่งมาจากความคาดหวังที่ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐที่ประกาศตัวเลขมาหลายตัวน่าจะผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว ส่วนปัจจัยที่จะมีผลในสัปดาห์หน้าคือการหารือระหว่าง CEO ของสถาบันการเงินชั้นนำในสหรัฐเกี่ยวกับแผนกำจัดหนี้เสีย ก็คงจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนสถาบันการเงินต่อเนื่อง
ส่วนตลาดบ้านเรา ปัจจัยการเมืองในประเทศยังไม่ได้ทำให้ตลาดผันผวนหรืออ่อนไหวมากนัก แม้ว่าจะมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะมองว่าไม่ได้เกิดความรุนแรงขึ้น จึงทำให้ตลาดหุ้นบ้านเรามีทิศทางที่เกาะอานิสงค์ของตลาดหุ้นต่างประเทศอยู่
แต่เรามองว่าหลังจากสัปดาห์หน้าไปแล้ว ผ่านพ้นข่าวดีไปก็จะมีเรื่องของการปิดงวดบัญชี และตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นมาอาจจะไปชนแนวต้านที่ระดับ 8,000 จุดน่าจะอ่อนตัวลงมา ก็อาจจะมีผลต่อตลาดหุ้นบ้านเราเหมือนกัน เพราะถ้าดูในเอเชียตอนนี้หลายๆ ประเทศก็เริ่มที่จะอ่อนแรงลง เพราะตัวเลขเศรษฐกิจที่ทยอยประกาศกันออกมาถือว่าไม่ดีเลย อย่างนิวซีแลนด์ประกาศว่าเศรษฐกิจเลวร้ายสุดในรอบ 16 ปีค่าเงินแข็ง 18% เกาหลีใต้รายงานไตรมาส 4/51 หดตัว 5.1% และคาดว่าไตรมาส 1/52 น่าจะหดตัวไปถึงไตรมาส 2 ด้วย
ส่วนจีนตอนนี้เป็นประเทศเดียวที่ยังแข็งแกร่งและออกมาประกาศว่าจะให้ IMF กู้เงินด้วย ก็คงต้องจับตาดูในจุดนี้ ส่วนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอันดับสองของเอเชียยังน่าเป็นห่วงตอนนี้ เพราะเกิดภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองสินค้าผลิตออกมาแล้วขายไม่ได้ ตลาดวันนี้จึงแกว่งตัวช่วงแคบไม่ขยับเพิ่มไปไหน กรอบแถว 438 แนวต้าน 444 จุด
สัปดาห์หน้าให้ดูปัจจัยในเรื่องการประชุมระหว่างสถาบันการเงินและการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G-20 ในวันที่ 2 เม.ย.ก็อาจจะมีข่าวดีออกมา อาจจะส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับในเชิงบวกต่อไป
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,065.53 ล้านบาท ปิดที่ 160.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 630.25 ล้านบาท ปิดที่ 100.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 316.34 ล้านบาท ปิดที่ 55.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
TTA มูลค่าการซื้อขาย 251.39 ล้านบาท ปิดที่ 13.10 บาท ลดลง 0.20 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 249.96 ล้านบาท ปิดที่ 46.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท