นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.ไดโดมอน กรุ๊ป (DAIDO) เปิดเผยว่า คำสั่งศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2552 และคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552 อนุญาตให้ผู้บริหารแผนดำเนินการจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับหรือข้อความในหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ และจดทะเบียนลดทุนเพิ่มทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ
ทั้งนี้ บริษัท ลดทุนชำระแล้วของบริษัทฯ จาก 259,996,395 บาท จำนวน 233,996,755 บาท เหลือ 25,999,640 บาท มีดังนี้ โดยลดทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้ชำระ โดยยกเลิกหุ้นสามัญที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายทั้งหมด เป็นจำนวน 3,605 บาท แบ่งเป็น 721 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท จะทำให้ทุน จดทะเบีย นลดลงจากจำ นวน 260,000,000 บาท เหลือ 259,996,395 บาท แบ่งเป็น 51,999,279 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
และโอนทุนสำรองตามกฎหมายเป็นจำนวน 17,553,134.07 บาท ทั้งจำนวนเพื่อตัดชดเชยกับผลขาดทุนสะสมของบริษัทฯ กับโอนส่วนเกินมูลค่าหุ้นเป็นจำนวน 172,411,974.00 บาท ทั้งจำนวน เพื่อตัดชดเชยกับผลขาดทุนสะสมของบริษัทฯ
ดังนนั้น การลดทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ จากจำนวน 259,996,395.00 บาท แบ่งเป็นจำนวน 51,999,279 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท โดยการลดจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วลงในอัตรา 10 หุ้นเดิมเหลือ 1 หุ้น คิดเป็นจำนวนหุ้นที่ลดทั้งสิ้น 46,799,351 หุ้น หรือ จำนวน 233,996,755 บาท จะทำให้เหลือทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 25,999,640.00 บาท แบ่งเป็น 5,199,928 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
ผลจากการลดทุนข้างต้น จะทำให้ขาดทุนสะสมของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ลดลง 423,961,863.57 บาทจาก 1,556,219,175.31 บาทเหลือ 1,132,257,311.74 บาท
ด้วยเหตุดังกล่าว ผู้บริหารแผนจึงกำหนดให้วันที่ 10 เมษายน 2552 เป็นวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ถูกลดทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ จนกว่าการลดทุนจะดำเนินการแล้วเสร็จ
จากนั้นบริษัทจะทำการเพิ่มทุนรวมไม่เกิน 44,140,800 หุ้น ประกอบด้วย การเพิ่มทุนจำนวนไม่เกินกว่า 33,000,000 หุ้นเพื่อการเสนอขายให้กับผู้ร่วมลงทุน ในราคาหุ้นละ 4.21 บาท ซึ่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 18 เมษายน 2552
ในกรณีที่ไม่สามารถสรรหาผู้ร่วมลงทุนได้ภายใน 18 เมษายน 2552 และ ผู้บริหารแผนมีการตีโอนสินทรัพย์ เพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้กลุ่ม1 ผู้บริหารแผนจะทำการเพิ่มทุนจำนวนไม่เกินกว่า 5,940,800 หุ้นเพื่อรองรับการแปลง หนี้เป็นทุนให้แก่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 2 โดยให้ดำเนินการภายใน 60 วันนับจากวันที่มีการออกหุ้นให้แก่ผู้ร่วมลงทุน (14 มีนาคม 2553) โดยราคาขายลดลงเหลือ 1.06 บาทต่อหุ้น
ส่วนการเพิ่มทุนจำนวนไม่เกินกว่า 5,200,000 หุ้น เพื่อรองรับการแปลงหนี้เป็นทุนให้แก่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 3 โดยให้ดำเนินการภายใน 180 วันนับจากวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ (ได้แก่วันที่ 18 เมษายน 2552)
นอกจากนี้ ผู้บริหารแผนสามารถดำเนินการเรียกเพิ่มทุนเพิ่มเติมเพื่อการขยายกิจการของบริษัทฯ ในอนาคต
อนึ่ง เนื่องจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นการดำเนินการภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ จึงไม่ต้องขออนุมัติ จากที่ประชุมผู้ถือหุ้น