นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชียกรีน เอนเนอจี(AGE)เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าภาคตะวันออกเป็น 20% ในปีนี้ จาก 14% ในปีก่อน หลังจากที่บริษัทได้ตั้งคลังสินค้าแห่งใหม่ โดยเช่าพื้นที่จำนวน 1.4 หมื่นตารางเมตร อายุสัญญา 9 ปี กับทางบริษัท สยามคอมเมอร์เชียล ซีพอร์ท จำกัด
การขยายคลังสินค้าดังกล่าวนอกจากจะเป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดต้นุทนด้านขนส่ง ซึ่งปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายขนส่ง 80 ล้านบาทต่อปี คาดว่าจะลดลงราว 30 ล้านบาท เหลือเพียง 50 ล้านบาทต่อปี
"การเช่าคลังสินค้า ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเติบโตในอนาคต เนื่องจากการมีคลังสินค้า ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ๆได้เพิ่มขึ้น และรองรับจังหวัดใกล้เคียง เช่น สระแก้ว ปราจีนบุรี ส่งผลดีให้ยอดขายดีขึ้น เนื่องจากบริษัทได้ลูกค้าในภาคตะวันออกเพิ่มทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมที่สั่งสินค้าเพิ่มขึ้น"นายพนม กล่าว
บริษัทมั่นใจว่าจะทำยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย 10-20% มาที่ 1 ล้านตัน จากปีก่อนมียอดขาย 8 แสนตัน โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากภาคกลาง 50% ภาคใต้และแหนือ 36% และ ภาคตะวันออก 14% หรือคิดเป็นยอดขายถ่านหินกว่า 1.3 แสนตันอยู่ในภาคตะวันออก
นายพนม กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ อีก 30 ราย จากฐานลูกค้าปัจจุบันมีจำนวน 500 ราย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีและเอทานอล แม้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวจะมีลูกค้าบางส่วนชะลอออเดอร์ไปบ้าง เพราะส่วนใหญ่เป็นธุรกิจส่งออก แต่ในภาคธุรกิจอาหาร และโรงไฟฟ้า ก็ยังมีความต้องการถ่านหินสูง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปีนี้ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมากจากปีที่ผ่านมา อาจจะส่งผลกระทบทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนอยู่ในระดับ 14-15% ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาดที่ปัจจุบันได้มีการปรับลดราคาขายถ่านหินตามดีมานด์ของภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง โดยราคาขณะนี้อยู่ที่ 2.7 พีนบาท/ตัน จากราคาเคยขึ้นไปสูงสุด 3.2 พันบาท/ตัน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ ทั้งในอินเดีย จีน และ เวียดนาม จะทำให้ราคาถ่านหินปรับขึ้นมาได้ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้สต็อกสินค้าไว้ประมาณ 3 เดือนแล้ว เพื่อรองรับความเสี่ยงในการผันผวนราคาถ่านหิน