นายธนะชัย สันติชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถประเมินการเติบโตของรายได้ในปี 52 แต่เชื่อว่ารายได้ที่มาจากทีวีจะเป็นแหล่งสร้างรายได้สำคัญของบบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 15-20% จาก 12%ในปีก่อน หลังจากที่บริษัทได้เวลาออกอากาศเพิ่ม 2 ชั่วโมง/วัน ในรายการ "ข่าวข้นคนข่าว"ทางสถานีโมเดิร์นไนน์ เริ่ม 1 เม.ย. นี้
ส่วนรายได้จากสิ่งพิมพ์จะมีสัดส่วนรายได้ลดลงเหลือ 60% จาก 70% เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจส่งผลให้ยอดโฆษณาลดลง ซึ่งเป็นไปตามอุตสาหกรรมโฆษณา
นอกจากนี้ บริษัทยังคงต้องแบกรับต้นทุนกระดาษในสต็อกที่ราคาระดับสูง เฉลี่ยราคา 700 เหรียญต่อตัน ซึ่งจะหมดในเดือนก.ค. 52
"ตั้งแต่ต้นปีมา บริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะยอดโฆษณาที่ปรับลดลง แม้ในเดือนมีนาคม จะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ไตรมาส 1 ได้รับผลกระทบ รวมทั้งกังวลราคากระดาษจะมีราคาผันผวน แม้ตอนนี้ราคาจะเริ่มนิ่งและปรับตัวลงเล็กน้อย"
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าบริษัทจะสามารถลดต้นทุนได้ 10-15% จากปีก่อนลดต้นทุนได้ 6% โดยเฉพาะการลดภาระดอกเบี้ย และค้าขนส่ง
แต่ในส่วนแผนการลงทุนสร้างอาคารใหม่ที่วางไว้ 300 ล้านบาทนั้น บริษัทคงจะชะลอการลงทุนโดยหันถือเงินสดไว้เพื่อรักษาสภาพคล่องและหันมาเช่าที่อาคารสำนักงานแทน โดยต่ออายุสัญญาเช่า 3 ปี
นายธนะชัย ยังกล่าวว่า แผนการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เอ็มเอไอ (mai) คาดว่าจะนำ บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) เข้าจดทะเบียนในไตรมาส 3/52 หลังจากที่ยื่นไฟลิ่งเมื่อเดือนธ.ค.51 และบมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น(NBC) คาดว่าจะเข้าตลาดในไตรมาส 4/52 ซึ่งจะยื่นไฟลิ่งในเดือน พ.ค.นี้
"การที่ให้บริษัทลูกเข้าจดทะเบียนถือเป็นแผนการปรับโครงสร้างทางการเงิน เพื้อเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนของ NMG" นายธนะชัยกล่าว