ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 254.16 จุดหลังรัฐบาลสหรัฐเมินอุ้ม"จีเอ็ม-ไครสเลอร์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 31, 2009 06:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 250 จุดเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐปฏิเสธแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวจุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการล้มละลายในอุตสาหกรรมรถยนต์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าอาจมีธนาคารอีกหลายแห่งที่ต้องระดมทุนเพิ่ม

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 254.16 จุด หรือ 3.27% แตะที่ 7,522.02 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดร่วง 28.41 จุด หรือ 3.48% แตะที่ 787.53 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 43.40 จุด หรือ 2.81% แตะที่ 1,501.80 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.51 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.04 พันล้านหุ้น

เดวิด เคทซ์ นักวิเคราะห์จาก Matrix Asset Advisors กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากคณะทำงานเฉพาะกิจด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐมีมติคัดค้านแผนการปรับโครงสร้างของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และบริษัทไครสเลอร์ โดยให้เหตุผลว่าค่ายรถยนต์ทั้งสองไม่ได้นำเสนอแผนปรับโครงสร้างที่น่าเชื่อถือถึงขนาดทำให้กิจการดำรงอยู่ต่อไปได้ และคาดว่าบริษัทรถยนต์ทั้งสองแห่งอาจดำเนินกิจการต่อไปได้เพียง 2 เดือนเท่นั้น

คณะทำงานระบุว่า ไครส์เลอร์ไม่สามารถดำเนินธุรกิจตามแผนการปัจจุบันได้ แม้รัฐบาลให้เวลา 30 วันในการควบรวมกิจการกับบริษัท เฟียต เอสพีเอของอิตาลี และเสนอว่าจะให้เงินช่วยเหลือ 6 พันล้านดอลลาร์หากบริษัทสามารถทำข้อตกลงกับเฟียตได้ก่อนเวลาที่กำหนด แต่หากไครสเลอร์ไม่สามารถควบรวมกิจการกับเฟียตได้ รัฐบาลก็จะตัดความช่วยเหลือทันที

ส่วนกรณีของจีเอ็มนั้น คณะทำงานให้เวลา 60 วันในการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อแลกกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน พร้อมกับวางเงื่อนว่าซีอีโอของจีเอ็มควรจะลาออกจากตำแหน่ง โดยเมื่อวานนี้ นายริค วาโกเนอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ได้ลาออกจากตำแหน่งตามคำขอของคณะทำงาน และจีเอ็มได้แต่งตั้ง ฟริทซ์ เฮนเดอร์สัน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดำเนินงานคนปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งซีอีโอคนใหม่

นอกเหนือจากความวิตกกังวลเรื่องการล้มละลายในอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว นักลงทุนยังกระหน่ำขายหุ้นหลังจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 8.1% และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค.จะร่วงลง 660,000 คน ซึ่งจะทำให้จำนวนคนตกงานโดยรวมพุ่งขึ้นเป็น 5 ล้านคน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.พ.ในคืนวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังหวั่นวิตกต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการเงิน หลังจากนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐระบุว่า อาจมีธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งที่ต้องระดมทุนเพิ่ม ซึ่งข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางสเปนตัดสินใจเข้าเทคโอเวอร์ธนาคารบางแห่งและอัดฉีดเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพยุงกิจการธนาคาร

ทั้งนี้ หุ้นจีเอ็มดิ่งลง 25.4% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 17.9% และห้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 11.8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ