ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงหนักสุดในรอบ 4 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐเตือนว่าอาจมีธนาคารอีกหลายแห่งที่ต้องระดมทุนเพิ่มและขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งข่าวดังกล่าวฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงอย่างรุนแรง นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองและพลังงานร่วงลงหลังจากราคาโลหะและน้ำมันในตลาดโลกดิ่งลงอย่างหนัก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วง 135.94 จุด แตะที่ 3,762.91 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,762.91-3,898.85 จุด
เดวิด ไฟน์เบิร์ก นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารถูกเทขายอย่างหนักหลังจากนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐระบุว่า อาจมีธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งที่ต้องระดมทุนเพิ่มและขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางสเปนตัดสินใจเข้าเทคโอเวอร์ธนาคารบางแห่งและอัดฉีดเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพยุงกิจการธนาคาร
ทั้งนี้ หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สดิ่งลง 14% หลังจากนักวิเคราะห์ของโซซิเอเต เจนเนอรัล (ซอคเจน) แนะนำให้นักลงทุน "ขาย" หุ้นบาร์เคลย์ส โดยระบุว่าบาร์เคลย์สอาจต้องระดมทุนเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านปอนด์ หรือ 2.83 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นธนาคาร HSBC ปิดร่วง 7.8% หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดปิดลบ 9.8% หุ้นธนาคารลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ปิดร่วง 11.8% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดดิ่งลง 14.9%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองร่วงลงหลังจากสัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ดิ่งลงอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในทุกภูมิภาคตั้งแต่เอเชียไปจนถึงสหรัฐอเมริกา อาจทำให้ความต้องการพลังงานหดตัวลงด้วย
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ร่วงลง 3.6% หุ้นบีพีร่วงลง 3.6% ส่วนหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดร่วง 7.5% หลังจากราคาโลหะในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก