บมจ.พีเออี(ประเทศไทย)(PAE)เตรียมหาทางแก้ไขสถานการณ์หลังจากราคาหุ้นร่วงตลาดภาพรวมตลาดส่งผลทำให้พันธมิตรต่างประเทศชะงักแปลงสภาพวอร์แรนต์เพื่อเข้าถือหุ้นเพิ่ม เนื่องจากราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาหุ้นในกระดานหลัก ขณะที่ผลประกอบการในปี 52 ในแง่รายได้เชื่อว่าสูงกว่าปีก่อนแน่ จากงานในมือ(backlog)ตอนนี้ที่มีแล้วมากกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งตามกำหนดจะทยอยรับรู้ในปี 52-53 แต่จะพลิกเป็นกำไรในปีนี้ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ยังต้องขอรอประเมินสถานการณ์ก่อน
*เตรียมหาทางแก้ หลัง GPS ยังชะงักใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์
นายศุขสนั่น โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ PAE เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา หลังจากกลุ่ม GLOBAL PROCESS SYSTEMS INC.(GPS)ผู้ถือหุ้นใหญ่ ยังไม่ได้ใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนท์)เป็นหุ้นสามัญ เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยตกลงไปต่ำกว่าราคาแปลงสภาพ ซึ่งมีผลต่อการระดมเงินทุนของบริษัท
"ถึงกำหนดที่จะแปลงสภาพได้แล้วยังไม่มีการแปลงสภาพเนื่องจากราคาหุ้นตกลงไปมาก ราคาที่ตกลงกันไว้ห่างกันมาก ทำให้เป็นอุปสรรค ขณะนี้ก็ยังคุยกันอยู่หาทางแก้ไข ขณะที่เราได้ดำเนินการไปตามที่วางแผนไว้ ถึงแม้เขายังไม่เข้ามา ณ ปัจจุบันนี้แต่เขาได้เข้ามาให้การสนับสนุนทางด้านการเงินอย่างดี ไม่กระทบแผนการลงทุน"นายศุขสนั่น กล่าว
อนึ่ง GPS ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งสัดส่วน 29.78% และมีสิทธิแปลงสภาพวอร์แรนท์เป็นหุ้นสามัญจำนวน 254,363,362 หน่วย สัดส่วน 1 วอร์แรนท์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคาหุ้นละ 1.32 บาท หากมีการใช้สิทธิจะทำให้ GPS ก็จะเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็น 49%
"เดิมกำหนดราคาแปลงสภาพที่ 1.32 บาท ตอนนี้ราคาหุ้นเหลือไม่ถึง 1 บาท ส่วนต่างราคาสูงมากเพราะไม่เช่นนั้นเค้าจะต้องลงในบัญชีเป็นขาดทุน ทำให้ปัจจุบันก็ให้การสนับสนุนทางการเงินต่อเนื่องต่อไป เดิมทีคิดว่าจะได้เงินเกือบ 300 ล้านบาท ตอนนี้ไม่ถึงแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับในราคาเท่าไรซึ่งก็ยังไม่ได้คุย ยังไม่ได้รายงานตลาด"นายศุขสนั่น กล่าว
*รายได้ปีนี้สูงขึ้นแน่จาก backlog เพียบ แต่พลิกกำไรได้หรือไม่ยังต้องลุ้น
นายศุขสนั่น กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะพลิกเป็นกำไรจากปีก่อนที่ขาดทุน 151 ล้านบาทได้หรือไม่ ยังต้องรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน ว่าที่คาดการณ์ไว้กับความเป็นจริงจะแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร เพราะตอนนี้ทุกอุตสากรรมมีความไม่แน่นอนสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของ PAE อยู่ใน segment ที่มีผลกระทบค่อนข้างน้อยกว่าทางด้านอื่น เพียงแต่ปัญหาไม่ใช่เฉพาะราคาน้ำมันที่ลดลง แต่เป็นเรื่องของสถาบันการเงินที่จะให้การสนับสนุนกับผู้ลงทุน โดยเฉพาะในธุรกิจสำรวจ Oil&Gas ว่าจะมีปัญหาแค่ไหน เพราะย่อมส่งผลต่บริษัทในฐานะผู้รับเหมางาน และงานส่วนใหญ่ที่เข้ามาตอนนี้ก็ยังเป็นงานจากต่างประเทศ
ขณะที่รายได้ปีนี้เชื่อว่าจะมากกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณกว่า 300 ล้านบาท เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้ส่วนหนึ่งจากงานในมือ(backlog)ในปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 1,000 กว่าล้านบาท ซึ่งตามกำหนดจะทยอยรับรู้ฯ ไปถึงปีหน้า
บริษัทยังคงเดินหน้าขยายรับงานในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะที่เมืองอาบูดาบี คาดว่าน่าจะมีผลดี เพราะ ณ วันนี้งานที่อาบูดาบีมีมากกว่างานที่ดูไบ ขณะที่งานที่ดูไบส่วนใหญ่จะถูกยกเลิกกับเลื่อนออกไป ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่กระทบของรายได้เมื่อปีที่แล้ว
"งานที่ดูไบเราต้องระมัดระวังมากขึ้นเยอะ เพราะสถานการณ์ที่ดูไบชักจะรุนแรงหนีไม่พ้น ต้องรอผ่านไตรมาสที่ 1 ไป ก่อนหรือให้ผ่านเดือนเม.ย.ไป เราถึงจะเริ่มมองภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าจะมีอะไรเข้ามาบ้าง"นายศุขสนั่น กล่าว
สำหรับงานด้าน Oil&Gas งานหลักในปีนี้ส่วนใหญ่เป็นงานของเชฟรอน ซึ่งมีไม่กี่เจ้าในภาคพื้นเอเชีย แต่ปัญหาตอนนี้คือมีความไม่แน่นอนในหลายๆ อย่าง เพราะตลาดทั่วไปก็ภาวะไม่ดี ทิศทางราคาน้ำมันก็ลดลงมามีผลกระทบไปหมด โดยเฉพาะในแง่ของสถาบันการเงินผู้สนับสนุนโครงการเหล่านี้ ซึ่งจะมีผลต่อการรับงานเข้ามาเพิ่ม backlog ที่มีอยู่
"สถานการณ์ตอนนี้ทางด้านของเราผลกระทบไม่มากเหมือนธุรกิจอื่น การลงทุนทางด้าน oil&gas ทะลุไปถึงปี 2011 ค่อนข้างจะมีงานเพียงพออยู่แล้ว แต่หลังจากปี 2011 ไปแล้วการลงทุนยังขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินที่เข้ามาสนับสนุนซึ่งจะต้องรอดู ทุกคนก็บอกว่ารอดูหลังไตรมาส 1 ก่อนหน้าทิศทางสถาบันการเงินเป็นอย่างไร ขณะที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างลดลง ราคาต้นทุนลดลงก็ดีโดยเฉพาะราคาน้ำมันลดลงก็ทำให้การประเมินราคาและการตีราคาต่างๆ ค่อนข้างดีทำได้แน่นอนมากกว่า"นายศุขสนั่น กล่าว
ส่วนการขอย้าย PAE ไปหมวดพลังงานนั้น นายศุขสนั่น กล่าวว่า ต้องมีผลประกอบการที่สามารถไปแสดงได้ และตอนนี้จำนวนลูกค้าทางด้านนี้ยังมีไม่มากนัก