โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.จีเอฟพีที(GFPT)มองช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มียอดส่งออกธุรกิจไก่ปรุงสุกเติบโตต่อเนื่องจากดีมานด์ที่ยังมีอยู่ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นที่บริษัทได้ประโยชน์จาก JTEPA ทำให้ประเมินว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตได้ดี แม้ยังโบรกเกอร์บางรายคาดว่าราคาต่อหน่วยอาจลดลง นอกจากนี้ อัตราการจ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับสูงและราคาหุ้นก็ยังถูก
GFPT เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์และไก่ทั้งในและส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นรายใหญ่ 1 ใน 5 ของประเทศสำหรับธุรกิจอาหารสัตว์และเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่อันดับที่ 5 ของไทย
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ฟิลลิป ซื้อ 27.25 บล.เอเซียพลัส ซื้อ 25.00 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 23.65 บล.ดีบีเอสฯ ถือ 22.17
นักวิเคราะห์จาก บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า หุ้น GFPT มีความโดดเด่นที่ยังสามารถส่งออกไก่ปรุงสุกได้อย่างต่อเนื่องเพราะยังมีดีมานด์เติบโต รวมทั้งมีการขยายตลาดใหม่ เช่น จีน อินเดีย และได้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA)และยิ่งเงินบาทอ่อนก็ได้ประโยชน์
นอกจากนี้ ตัวบริษัทก็มีสภาพคล่องดี อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนก็ต่ำ นับว่าเป็นหุ้นปลอดภัย รวมทั้งยังมีอัตราจ่ายปันผลที่ดี โดยคาดว่าปี 52 จะมีอัตราผลตอบแทนราว 9% หรือมี dividended payout ratio ประมาณ 30% จากปีก่อนมี 32%
อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้และกำไรปีนี้อาจจะอ่อนตัวกว่าปีก่อน เพราะปีที่แล้วราคาไก่ปรุงสุกในตลาดส่งออกสูงผิดปกติ คาดว่าปีนี้ราคากลับมาเป็นปกติ
"บริษัทมีสภาพคล่องดี และบริษัทเน้นขายไก่ปรุงสุกเพื่อส่งออก ซึ่งมีความได้เปรียบ ดีมานด์ยังโตต่อเนื่อง"นักวิเคราะห์จากเอเซียพลัส กล่าว
บทวิเคราะห์ของ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 52 เพิ่ม 9% จากประมาณการเดิมกำไรสุทธิ 571 ล้านบาท ลดลง 47% เทียบจากปีก่อน แม้ว่ารายได้ในปีนี้จะลดลงเทียบกับปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง ขณะที่ปริมาณขายทางฝ่ายคาดว่าจะไม่ลดลงหลังจากได้คำสั่งซื้อในตลาดญี่ปุ่นมากขึ้น ซึ่งได้รับผลดีจากการทำ FTA ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น
ดังนั้น จึงคาดหมายยอดขายปี 52 เท่ากับ 10,955 ล้านบาทไม่เปลี่ยนแปลงเทียบกับปีก่อน ภายใต้สมมติฐานราคาขายเฉลี่ยลดลง 7% ขณะที่ปริมาณขายรวมค่อนข้างทรงตัว แต่จะลดลงจากตลาดในประเทศเป็นหลัก และคาดว่าอัตรากำไรจะลดลงตามราคาขายเฉลี่ยลด
ด้าน บล.ยูไนเต็ด มองว่า ปริมาณการส่งออกไก่ปรุงสุกของไทยใน 2 เดือนแรกของปี 52 ลดลงราว 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนกว่าช่วงไตรมาส 1/51 ถึง 8% มาอยู่ที่ระดับ 35.40 บาท/ดอลลาร์ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยไก่ปรุงสุกส่งออกที่ยังคงสูงขึ้นกว่า 15% จากปีก่อน ที่ระดับ 4,200 ดอลลาร์/ตัน ส่งผลให้มูลค่าส่งออกไก่ปรุงสุกของไทยใน 2 เดือนแรกของปี 52 ยังเติบโตได้ถึง 13% จากปีก่อน ที่ 7,721 ล้านบาท (source : ก.พาณิชย์ )
ทำให้เราประมาณการยอดขาย GFPT ในไตรมาส 1/52 ยังขยายตัว 8% จากปีก่อน ที่ 2,406 ล้านบาทและกำไรสุทธิอยู่ที่ 136 ล้านบาท โต 25%
ขณะเดียวกันจากความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นของ GFPT ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลผู้บริหารประเมินปริมาณการส่งออกของบริษัทยังคงเติบโตได้จากที่เฉลี่ย 1,180 ตัน/เดือนในไตรมาส 1/51 เป็น 1,250 ตัน/เดือนในไตรมาส 2/52 ดังนั้น จึงส่งผลเราคาดรายได้จากธุรกิจดังกล่าวในไตรมาส 1/52 เพิ่มขึ้นได้ราว 18% จากปีก่อน
นอกจากนี้ คาดว่า GFPT มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรในช่วงปี 51-53 ที่คาดจะสูงเฉลี่ยถึง 57% ต่อปี รวมทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังถูก
ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุว่า แนวโน้มปี 52 คาดว่ายอดขายและกำไรสุทธิของ GFPT จะลดลง โดยหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงตามต้นทุนการผลิต และการต่อรองของลูกค้าในตลาดยุโรปและญี่ปุ่นในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย ส่วนปริมาณขายมีแนวโน้มลดลงแต่ไม่น่ารุนแรงเพราะเป็นสินค้าจำเป็น อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากปีก่อนเพราะราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ลดลง
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิปี 52 ของ GFPT ไว้ที่ 618 ล้านบาท ลดลง 43% แต่ก็ดีกว่าปี 48-50 ซึ่งมีกำไรสุทธิที่ 112-369 ล้านบาท/ปีอย่างมาก เพราะมีการขยายกำลังการผลิตอาหารปรุงสุกและอาหารสัตว์ จึงแนะ"ถือ"เนื่องจากบริษัทให้ปันผลสูง ให้ราคาตามพื้นฐาน 22.17 บาท อิงกับ PE ปี 52 เท่ากับ 4.5 เท่า ความเสี่ยงหลัก คือ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ (ข้าวโพด กากถั่วเหลือง), การขายตัดราคาของคู่แข่งขันโดยเฉพาะในตลาดยุโรป และโรคระบาด