นายนพดล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง(RATCH) คาดว่า ช่วงกลางปี 52 จะได้สรุปรายละเอียดการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน Kuala Tanjung ในประเทศอินโดนีเซีย จากที่ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานะโรงไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งต้องดูหลายปัจจัย รวมถึงข้อกฎหมายอื่นด้วยทั้งภาษีและนำเงินกำไรกลับประเทศ
"ขอเราไปดูข้อมูลหลายๆอย่างประกอบกัน ผลตอบแทน ปัจจัยแวดล้อม คิดว่าคงใช้เวลา 3-4 เดือน โดย IRR ต้อง 2 digit แน่นอน แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ...ผมว่ากลางปีไปแล้วคงจะได้คำตอบ"นายนพดล กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนถ่านหินดังกล่าว ตั้งอยู่ในเมืองกัวลา ตันหยง ของอินโดนีเซีย มีขนาดกำลังการผลิต 270 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 274.6 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 9 พันล้านบาท เบื้องต้น RATCH ได้แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์ว่าบริษัทคาดจะเข้าร่วมทุน 40%
นายนพดล กล่าวว่า บริษัทยังต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งเกี่ยวกับมูลค่าโครงการที่แท้จริง รวมทั้งจะพิจารณาว่าโครงการนี้มีความเหมาะสมที่จะใช้สัดส่วนเงินกู้และเงินทุนหมุนเวียนเท่าใด อย่างไรก็ตาม ทางพันธมิตรที่อินโดนีเซียแจ้งว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้ทำข้อตกลงซื้อขายไฟฟ้ากับรัฐบาลอินโดนีเซียแล้ว
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าไปสำรวจและศึกษาธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียด้วย โดยขณะนี้มองอยู่หลายเหมือง ซึ่งในปีนี้ อาจจะเข้าไปลงทุนเหมืองถ่านหินมากกว่า 1 แห่ง เพราะเริ่มเข้าไปเจรจาบ้างแล้ว และหวังว่ากลางปีน่าจะเห็นการลงทุน
"โครงการ(ถ่านหิน)ที่เราพิจารณาดู ก็น่าสนใจ แต่ก็ยังไม่ตกร่องปล่องชิ้น เราได้ทำความเข้าใจแล้วว่า ขอเราเข้าไปดูข้อมูล มีผลตอบแทนที่ดี มีความเสี่ยงคุ้มกับการลงทุน ดูปัจจัยแวดล้อมทุกๆเรื่อง แล้วถ้าพบว่าเหมาะสมกับบริษัทเราถึงจะเข้าไปลงทุน" นายนพดล กล่าว
"เรามองว่าโอกาสภายนออกประเทศยังมีอีกมาก ทางบริษัทก็ไม่เพิกเฉย พยามยามหาโครงการที่น่าลงทุนมาเพิ่มเติม เราเห็นว่าประเทศอินโดนีเซียมีศักยภาพ เป็นประเทศที่มีประชากรมาก และมีความต้องการใช้ไฟฟ้ามาก เราคิดว่าเรามีทรัพยากรที่มีทั้งเงินทุนและบุคคลากรที่มีประสบการณ์ น่าจะหาผู้ร่วมทุนดี ๆ ถือว่าเป็นก้าวแรกที่เราไปไกลมากขึ้นจากที่เราลงทนในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรา" นายนพดล
ส่วนในออสเตรเลีย บริษัทก็ได้เข้าไปศึกษาข้อมูลธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านพลังงานทั้งหมด ได้แก่ โรงไฟฟ้า และ เหมืองถ่านหิน เป็นต้น แต่เนื่องจากทรัพยกากรของบริษัทมีจำกัดทั้งแหล่งเงินและบุคคลากร จึงต้องมีการพิจารณาแต่ละก้าวอย่างรอบคอบ
อย่างไรก็ดี รายได้ใหม่จากโครงการที่เริ่มพัฒนาในปีนี้คงจะไม่เกิดขึ้นเร็ว แต่การเข้าศึกษาและลงทุนก็จะส่งผลดีในระยะยาว