(เพิ่มเติม) TRC ปรับลดเป้ารายได้ปี 52 เหลือ 2 พันลบ.มี backlog 1.5 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 1, 2009 13:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น(TRC) ตั้งเป้ารายได้ในปี 52 ที่ระดับ 2 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 1.8 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีงานที่อยู่ในมือ(backlog) ณ สิ้น 31 ธ.ค.51 ทั้งของบริษัทและบริษัทย่อย(สหการวิศวกร)23 โครงการ รวมมูลค่า 1.5 พันล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 90% นอกจากนี้ บริษัทยังเข้าร่วมงานประมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มปริมาณงานในมือให้สูงขึ้น

"เชื่อว่างานที่เราเข้าร่วมประมูลเพิ่มจะสนับสนุนให้รายได้ในปี 52 ของบริษัทเติบโตตามเป้าหมายได้ ถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว"นายสมัย ลี้ตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRC กล่าว

อนึ่ง ก่อนหน้านี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 2.2 พันล้านบาท

ในปี 52 งานในประเทศยังเป็นตลาดหลักของบริษัท โดยเฉพาะงานวางท่อก๊าซธรรมชาติ ขณะเดียวกันบริษัทจะแสวงหาโอกาสในการขยายงานในต่างประเทศควบคู่ไปด้วย ที่ผ่านมาได้เข้าร่วมกับพันธมิตรเสนองานในประเทศโอมานและในพม่า คาดว่าจะได้รับงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต

นายสมัย คาดว่าปีนี้บริษัทจะได้รับงานใหม่ราว 20% จากที่บริษัทเข้าประมูลงานในประเทศกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งในเดือนเม.ย.นี้มีงานที่อยู่ระหว่างเจรจา 2 โครงการ มูลค่ากว่า 1.2 พันล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลภายในสิ้นเดือน ส่วนงานต่างประเทศถือเป็นโบนัสที่เพิ่มเข้ามา โดยขณะนี้มีการเจรจางานที่โอมาน มูลค่า 30 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนเม.ย.นี้เช่นกัน

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับ 15% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 19.6% เนื่องจากงานในประเทศมีการแข่งขันสูง

"เราพยายามที่จะทำกำไรสุทธิให้ได้ใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงจากปีก่อน และรายได้เดิมเราก็ตั้งเป้าไว้ว่าจะโต 30% ก็ปรับลดลงเหลือโต 10% ในสถานการณ์อย่างนี้ก็ถือว่าดีแล้ว เพราะงานประมูลหลายงานเลื่อนออกไปเยอะ"นายสมัย กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทกำลังเจรจากับบริษัท CLOUGH ในประเทศไทย ซึ่งมีบริษัทแม่ในออสเตรเลีย เพื่อร่วมทุนจัดตั้งบริษัทใหม่ในสัดส่วน 50:50 และคาดว่าคงเจรจาได้ข้อยุติใน เม.ย.นี้ และเริ่มรับงานในเดือน มิ.ย.52 ซึ่งเหตุผลที่เข้าร่วมทุนในครั้งนี้เพื่อขยายงานแท่นขุดเจาะก๊าซในทะเล ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง

นายสมัย ยังเปิดเผยอีกว่า บริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท อะเมซอน เอนเนอยี่ เข้าประมูลงานในประเทศไนจีเรีย เป็นรายโครงการไป ซึ่งขณะนี้ยื่นประมูลไปแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 1.2-1.5 พันล้านบาท

"เราต้องการจะเติบโตอย่างยั่งยืนก็ต้องมีการสร้างงานใหม่ ๆ ขึ้นมา งานต่างประเทศ ซึ่งเราเพิ่งเริ่มไปเมื่อ 2-3 ปี มองว่าเป็นงานที่ให้กำไรมากกว่างานในประเทศ โดยเฉพาะงาน off shore ซึ่งเป็นงานที่ไม่ค่อยมีคู่แข่งมาก ถ้าเราจบกับ CLOUGH ได้ใน 2-3 ปีข้างหน้าเราก็คงจะมีงานเพิ่มขึ้น"นายสมัย กล่าว

บริษัทยังจะเตรียมเงินลงทุน 80 ล้านบาทเข้าร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้า SPP ที่ลาดกระบังกับกลุ่มปตท.และ บมจ.ผลิตไฟฟ้า(EGCO)ที่ร่วมถือหุ้นฝ่ายละ 35%

นายสมัย กล่าวถึงโครงการ"ราชเพลิน"ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมทุน ซึ่งเป็นผู้ประกอบการไทยและมีเงินสดในมือพร้อมที่จะเข้ามาซื้อหุ้น โดยบริษัทต้องการขายหุ้นให้ทั้ง 35% ที่ถืออยู่ แต่ก็ยอมรับว่าคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้น บริษัทอาจจะคงสัดส่วนหุ้นไว้ราว 5-10% แลกกับสิทธิการรับงานก่อสร้างโครงการดังกล่าว คาดว่าดีลนี้จะเจรจาจบภายใน เม.ย.หรือ พ.ค.นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ