(เพิ่มเติม) SAT รับปี 52 รายได้-กำไรหดหนัก หันรับออเดอร์คูโบต้า-วางเป้าบุกอินเดีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 1, 2009 16:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระยุทธ กิตะพาณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT)คาดว่า รายได้และกำไรสุทธิในปี 52 จะต่ำกว่าปีก่อน โดยคาดว่ารายได้จะหดตัวราว 35% จากปีก่อน และกำไรจะลดลงมากกว่านั้น หลังจากออร์เดอร์ลดลงอย่างมากตามภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่หดตัวทั่วทั้งโลก แต่ยังเดินหน้าลงทุน 380 ล้านบาทตามแผนงาน พร้อมทั้งวางเป้าหมายบุกตลาดอินเดีย โดยหวังเป็นตลาดหลักที่สำคัญของบริษัทในอนาคต

ทั้งนี้ ในปี 51 บริษัทมีรายได้ 5.9 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 635 ล้านบาท

SAT คาดว่าผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจที่มีผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ยังทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงเหลือ 16% จากเดิมคาดไว้ที่ 18% และต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 20% รวมทั้งอัตราการใช้กำลังการผลิตทั้งปีจะลดลงเหลือประมาณ 54% จากปีก่อนที่ใช้ในระดับ 86% เนื่องจากบริษัทพยายามลดจำนวนเวลาการทำงานล่วงเวลา จาก 26 วันเหลือ 23 วันต่อเดือน

นอกจากนั้น ยังพยายามลดต้นทุนด้านอื่น ๆ เช่น ลดค่าไฟฟ้า ลดสต็อคสินค้า และหาแหล่งวัตถุดิบใหม่เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง

อย่างไรก็ตาม การปรับลดลงของรายได้บริษัทยังถือว่าดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศที่คาดว่าปีนี้ยอดผลิตรถยนต์จะลดลง 40% เหลือประมาณ 9 แสนคัน จากปี 51 ที่ผลิต 1.39 ล้านคัน โดยจากสัญญาณที่ได้รับจากผู้ผลิตรถยนต์มองว่าไตรมาส 1/52 ยอดผลิตจะลดลง 40% และไตรมาส 2/52 ลดลง 12% จากไตรมาส 1/52

ขณะที่ไตรมาส 3/52 มีสัญญาณเป็นบวกคาดว่ายอดผลิตเป็นบวกเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบไตรมาส 2/52

"คิดว่า ในไตรมาส 2 จะถึงจุดต่ำสุดแล้ว และไตรมาส 3 มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 1 ต่ำกว่าที่คาดไว้ 10% และไตรมาส 2 คิดว่าต่ำกว่าที่คาดไว้ 10% เช่นกัน แต่ในไตรมาส 3 จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น" นายวีระยุทธ กล่าว

นายวีระยุทธ กล่าวว่า บริษัทได้หันมาขยายธุรกิจ Non-auto โดยเข้ารุกธุรกิจเครื่องยนต์เพื่อการเกษตรเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยได้รับออเดอร์จากค่ายคูโบต้าแล้ว 4 โครงการ รวมเป็นวงเงิน 4.5 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 6 ปี โดยในปีนี้คาดว่าจะรับรู้ฯ 340 ล้านบาท หรือ 10% ของมูลค่างาน และปีหน้าทยอยเพิ่มขึ้นเป็น 640 ล้านบาท และปี 54 เป็น 900 ล้านบาท หรือมีสัดส่วน 20-25%

ทั้งนี้ ในปี 52 บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 379.1 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้รองรับลงทุนผลิตชิ้นส่วนคูโบต้า 287 ล้านบาท และที่เหลืออีก 92.1 ล้านบาทใช้ในงานวิจัยและพัฒนา(R&D)ซึ่งในปีนี้จะเน้นไปที่เครื่องจักรในการทำสปริงขด เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทในอนาคต โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินกู้ประมาณ 259.6 ล้านบาท และมาจากกระแสเงินสดของบริษัทอีก 119.5 ล้านบาท

นายวีระยุทธ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังมีงานในมือ(Backlog) ที่ได้ออเดอร์แน่นอนแล้วจากฮีโน่ 749 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 4 ปี โดยจะเริ่มผลิตในปี 53, งานผลิตเพลาข้างให้ค่ายจีเอ็ม(ประเทศไทย) 1,190 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 7 ปี เริ่มผลิต ต.ค.54 ซึ่งเลื่อนจากเดิม พ.ค.53

อีกทั้ง ยังมีงานที่คาดว่าจะได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ งานเพลาข้างส่งไปที่บราซิล จำนวน 900 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 5 ปี ขณะนี้รอคำยืนยันออร์เดอร์ภายใน พ.ค.นี้ และคาดว่าจะเริ่มผลิต มิ.ย.52

และยังมีงานจากค่ายโตโยต้าที่จะผลิตส่งไปยังสหรัฐฯ มูลค่า 2,250 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 5 ปี คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4/52 และงานผลิตสปริงขดของรถกระบะวีโก้ส่งไปยังอินเดีย มูลค่า 110 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 5 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมส่งตัวอย่างให้ลูกค้าใน ก.ย.ปีนี้ และคาดว่าเริ่มผลิตได้ เม.ย.53

นายวีระยุทธ กล่าวว่า ในอนาคตบริษัทมีแผนจะเปิดตลาดที่ประเทศอินเดียมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มสปริงขด ซึ่งจะใช้ในรถกระบะ หรืออีโคคาร์ ซึ่งบริษัทคาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้าอินเดียจะเป็นตลาดสำคัญของบริษัท เนื่องจากค่ายโตโยต้าเข้าไปทำตลาดไว้ค่อนข้างมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม มองว่าหากจีเอ็มและไครสเลอร์ล้มละลายจะเป็นผลดีกับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะโตโยต้าที่สามารถขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งบริษัทจะได้รับประโยชน์นี้ไปด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ