ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 152.68 จุดขานรับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 2, 2009 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ รวมถึงยอดขายบ้านและข้อมูลด้านการผลิตของโรงงานในสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลของ ADP ที่ระบุว่าภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานลงจำนวนมาก ซึ่งทำให้นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอย่างใกล้ชิด

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 152.68 จุด หรือ 2.01% แตะที่ 7,761.60 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 13.21 จุด หรือ 1.66% แตะที่ 811.08 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 23.01 จุด หรือ 1.51% แตะ 1,551.60 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.50 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.28 พันล้านหุ้น

บิล สโตน นักวิเคราะห์จาก PNC Wealth Management กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคักคัก หลังจากสำนักงานจัดการด้านอุปทานระบุว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของโรงงานในสหรัฐปรับตัวลดลงน้อยเกินคาดในเดือนก.พ. และดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 2.1% แตะระดับ 82.1 จุดในเดือนก.พ. จาก 80.4 ในเดือนม.ค.

ก่อนหน้านี้สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 5.1% แตะระดับ 4.72 ล้านยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.จะร่วงลง 0.9% แตะระดับ 4.45 ล้านยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเริ่มรวบรวมข้อมูลในปีพ.ศ.2543

ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอการปิดขายและยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.ที่พุ่งขึ้นเกินความคาดหมายทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่คลายความวิตกกังวลเรื่องปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยลอว์เรนซ์ ยุน หัวหน้านักวิเคราะห์ของสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า การที่ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.พุ่งขึ้นเกินคาดมาจากการที่ประชาชนเข้าซื้อบ้านในช่วงที่ราคาบ้านตกต่ำลง และความเชื่อมั่นที่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะใช้มาตรการฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายซบเซาลงหลังจาก ADP National Employment Report รายงานว่า ภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานลง 742,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 8.1% และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค.จะร่วงลง 660,000 คน ซึ่งจะทำให้จำนวนคนตกงานโดยรวมพุ่งขึ้นเป็น 5 ล้านคน

นอกจากนี้ ตลาดยังคงถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ระบุว่า การล้มละลายเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการปรับโครงสร้างของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) โดยผ่านกระบวนการที่ลูกหนี้คือจีเอ็มและเจ้าหนี้คือรัฐบาลสหรัฐทำข้อตกลงและจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการร่วมกัน (Prepackaged Bankruptcy)

นักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอด G20 ที่กรุงลอนดอนในวันที่ 2 เม.ย.นี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะเรียกร้องให้ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ใช้กฎข้อบังคับด้านการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นและร่วมมือกันใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ทั่วโลกสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันได้

หุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดบวก 5.9% หุ้นเจพีมอร์แกนปิดพุ่ง 5.9%เช่นกัน ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 5.1% และหุ้นแอปเปิลปิดบวก 3.4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ