(เพิ่มเติม) SCB หดเป้าสินเชื่อปี 52 เหลือสูงสุดโตได้ 5% เชื่อสร้างผลกำไรต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 3, 2009 14:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางกรรณิการ์ ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อในปี 52 คาดว่าจะลดลงจากเป้าหมายเติบโต 5-7% เหลือแค่โต 5% โดยยอมรับว่าตลาดสินเชื่อขยายตัวได้ยาก ขณะที่ยอดการปล่อยสินเชื่อในไตรมาสแรกปีนี้คงยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลรายละเอียดเพื่อแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)

ด้านนายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวว่า ในปี 51 ธนาคารสามารถสร้างผลกำไรได้กว่า 2.4 หมื่นล้านบาท แม้จะเป็นช่วงที่เผชิญกับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ

ขณะที่ปี 52 เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะใช้จุดแข็งของธนาคารที่มีอยู่ในการสร้างรายได้ให้กับธนาคาร ทั้งเรื่องการมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง โดยปัจจุบันมีเงินกองทุนอยู่ที่ 16% ซึ่งหากเทียบตาม Basel I แต่หากเทียบตาม Basel II จะเหลือ 15% ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับธนาคารต่างประเทศที่มีฐานเงินทุนอยู่ที่ระดับ 8-9%

ธนาคารยังมีเงินทุนในระดับที่มากเพียงพอต่อการรองรับวิกฤติเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นธนาคารจึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนและไม่มีนโยบายต้องเพิ่มทุนด้วย

"ในปีนี้ เรื่องความสามารถในการทำกำไร เรายังเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ โดยเราจะไม่นำเรื่องเศรษฐกิจมาอ้าง เพราะแบงก์จะอยู่ได้จากความสามารถในการทำกำไร และฐานเงินทุนที่มีอยู่สูง แม้สินเชื่อจะลดลงบ้าง แต่เราใช้เรื่องการสร้างคามสัมพันธ์กับลูกค้า ขณะเดียวกันต้องควบคุมต้นทุนด้วย" นายวิชิต กล่าว

พร้อมระบุว่า ธนาคารจะต้องใช้จุดแข็งของการเป็นผู้นำ Retail Banking ซึ่งธนาคารเป็นผู้นำตลาดในการขยายฐานลูกค้ามากขึ้น ขณะเดียวกันจะมีการรุกตลาด Wholesale Banking ซึ่งเห็นว่าจากช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีการก่อหนี้จำนวนมาก แต่จำเป็นต้องมีการขายทรัพย์สินออกเพื่อชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทรัพย์สินในต่างประเทศลดลง อันจะเป็นโอกาสให้บริษัทที่มีเงินทุนที่ดี มองเห็นโอกาสในการเข้าไปลงทุนซื้อสินทรัพย์เหล่านี้เพื่อขยายธุรกิจ ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะต้องหันมากู้เงินธนาคารด้วย ขณะที่ธุรกิจ Investment Banking ในการเป็นที่ปรึกษาในการควบรวมกิจการก็ถือเป็นอีกธุรกิจที่ธนาคารให้ความสนใจ

"ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ไม่ใช่เราไม่ปล่อยสินเชื่อ แต่เราจำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าต่อไป แต่ในส่วนธุรกิจใหม่ๆ ก็ต้องมีหลายระดับ ซึ่งเราก็ต้องระมัดระวังการให้สินเชื่อ เนื่องจากอำนาจซื้อลดลง การบริโภคลดลง นอกจากนี้คงต้องควบคุมค่าใช้จ่าย ควบคุมต้นทุนการทำธุรกิจ ส่วน Cost of Fund ก็เป็นสิ่งสำคัญ เรายังมีเครือข่ายสาขาในการบริหารเงินฝาก ก็ช่วยลด Cost ได้" นายวิชิต กล่าว

ด้านนายอานันท์ ปันยารชุน นายกกรรมการ SCB กล่าวภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นว่า ผลงานของธนาคารในปี 51 ที่สามารถสร้างผลกำไรได้ 24,000 ล้านบาท จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 2 บาท/หุ้น ถือว่าเป็นการทำผลงานที่ดีเกินเป้าหมายที่คาดไว้ แม้ช่วง H1/51 เป็นช่วงที่วิกฤติเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อไทยมากขึ้น แต่ธนาคารยังสามารถมีผลดำเนินงานได้ดี

ส่วนปี 52 จากการที่ ธนาคารยังรักษาระดับตำแหน่งการเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ชั้นนำ การเป็นผู้นำการตลาด เชื่อว่าภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ จะสามารถทำให้ธนาคารแข็งแกร่ง และต่อสู้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้

นายอานันท์ ยอมรับว่า วิกฤติเศรษฐกิจไทยปีนี้ อาจจะหนักกว่าปี 2540 เนื่องจากเป็นผลกระทบจากภายนอก ที่มีต่อภาคการผลิต ภาคส่งออก และการภาคท่องเที่ยว และเราไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาคงต้องหนักกว่าปี 40 แน่นอน

"วิกฤติเศรษฐกิจไทย สืบเนื่องจากวิฤติการเงินโลก แต่เรายังโชคดีที่มีบทเรียนเมื่อปี 40 ที่ธนาคารพาณิชย์ไทย มีการปรับตัวมาแล้ว ทำให้ภาคธนาคารพาณิชย์ มีเสถียรภาพ มั่นคง แต่วิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ เป็นเรื่องของภาคการผลิต และไทยพึ่งภาคอุตสาหกรรม 40% ของจีดีพี และทำให้ภาคส่งออกได้รับผลกระทบหนัก" นายอานันท์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ