ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อหลายวันก่อน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเรื่องผลประกอบการที่อ่อนแอในภาคเอกชนและปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคธนาคาร
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 41.74 จุด หรือ 0.52% แตะที่ 7,975.85 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 7.02 จุด หรือ 0.83% แตะที่ 835.48 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 15.16 จุด หรือ 0.93% แตะที่ 1,606.71 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.3 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 9 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.05 พันล้านหุ้น
เลน บลูม นักวิเคราะห์จาก Westwood Capital LLC กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อหลายวันก่อน นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังซบเซาลงหลังจากมีข่าวว่าการเจรจาระหว่างบริษัท ไอบีเอ็ม คอร์ป และซัน ไมโครซิสเต็มส์ที่จะเข้าซื้อกิจการบริษัทแห่งหนึ่ง มูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ ได้หยุดชะงักลง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดเทคโนโลยีอาจยังไม่พร้อมสำหรับการควบรวมกิจการ
ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารถูกเทขายหลังจากนายไมเคิล มาโย นักวิเคราะห์ชื่อดังคาดการณ์ว่าจะมีธนาคารขาดทุนอีกเป็นจำนวนมากและความพยายามของรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการกู้วิกฤติภาคธนาคารนั้น ยังไม่มากพอ นอกจากนี้ มาโยคาดว่าตัวเลขขาดทุนในภาคธนาคารจะอยู่ในระดับสูงกว่าเมื่อครั้งที่เกิดวิกฤตการณ์ Great Depression ในช่วงทศวรรษที่ 1930
ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคร่วงลง 3.7% ขณะที่หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โกดิ่งลง 6.7% ขณะที่ดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 3.8% หลังจากเมเรดิธ วิทนีย์ นักวิเคราะห์ชื่อดังในแวดวงธนาคารระบุว่า ธนาคารส่วนใหญ่อาจทำกำไรได้เพียงเล็กน้อยในไตรมาสแรกปีนี้
ส่วนหุ้นซัน ไมโครซิสเต็มส์ อิงค์ดิ่งลง 22.5% และหุ้นไอบีเอ็มร่วงลง 0.7% หลังจากมีข่าวว่าการเจรจากับบริษัทไอบีเอ็มเพื่อเข้าซื้อบริษัทคู่แข่งที่มีขนาดเล็กกว่าแห่งหนึ่งประสบความล้มเหลว
นักวิเคราะห์ในแวดวงวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า จำนวนคนว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นอีกในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมี.ค.ร่วงลง 663,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี
โจชัว ชาปิโร หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Maria Fiorini Ramirez Inc ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ รวมถึงไอบีเอ็ม และยูเอส โพสทัล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ประกาศปลดพนักงานจำนวนมากเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ผลประกอบการของบริษัทหดตัวลง เราคาดว่าสถานการณ์ในตลาดแรงงานสหรัฐจะตึงตัวต่อไปอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนลดการใช้จ่ายและจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยรุนแรงขึ้น"