นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาด SET และตลาด mai ที่ประกาศจ่ายปันผลประจำปี 51 แล้ว ณ 31 มีนาคม 52 มีจำนวน 343 บริษัท เป็นบจ.ใน SET 304 บริษัท และใน mai 39 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 68.6 จากทั้งหมด 500 บริษัท (ไม่รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทในกลุ่ม NC และ NPG)
มูลค่าปันผลรวม 209,663 ล้านบาทหรือร้อยละ 56.78 ของกำไรสุทธิรวม และมีอัตราผลตอบแทนจากปันผลเฉลี่ย 2 ตลาดอยู่ที่ร้อยละ 6.70 ขณะที่ SET มีอัตราผลตอบแทนจากปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 6.69 และ mai อยู่ที่ร้อยละ 8.28
ทั้งนี้ มีบริษัทจดทะเบียนใน SET ที่มีอัตราผลตอบแทนจากปันผล (Dividend Yield) สูงกว่า Dividend Yield ของ SET หรือร้อยละ 6.69 รวม 180 บริษัท ในจำนวนนี้มีบริษัทที่มี Dividend Yield ร้อยละ 10 ขึ้นไป จำนวน 93 บริษัท และ ร้อยละ 20 ขึ้นไป จำนวน14 บริษัท ส่วนบริษัทจดทะเบียนใน mai มีบริษัทที่มี Dividend Yield สูงกว่า Dividend Yield ของ mai หรือร้อยละ 8.28 ขึ้นไปจำนวน 17 บริษัท
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มี Dividend Yield สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้ง 2 ตลาด ได้แก่ กลุ่มวัตถุดิบและสินค้าอุตสาหกรรม อยู่ที่ร้อยละ 11.88 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ร้อยละ 8.26 กลุ่มเทคโนโลยี ร้อยละ 7.30 กลุ่มบริการ ร้อยละ 7.26 และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ร้อยละ 6.88
“แม้ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในปัจจุบัน จะมีปัจจัยลบเข้ามากระทบเป็นระยะ แต่หากมองปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนจากปันผล ถือได้ว่าบริษัทจดทะเบียนไทยยังมีความน่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนอยู่ไม่น้อย" นางภัทรียากล่าว
สำหรับฤดูการจ่ายปันผล ผู้ลงทุนที่ใช้บริการ e-Dividend จะได้รับความสะดวกอย่างมาก โดยสามารถรับเงินปันผลผ่านบัญชีธนาคารในวันเดียวกับวันที่บริษัทประกาศจ่าย ไม่ต้องรอรับเช็ค ไม่ต้องเสียเวลานำเช็คไปเข้าบัญชีธนาคาร และไม่ต้องกังวลกับปัญหาเช็คสูญหาย จึงขอเชิญชวนให้ผู้ลงทุนใช้บริการ e-Dividend ในเทศกาลจ่ายเงินปันผลนี้ด้วย
ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ e-Dividend เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 770,000 ราย และในปี 2552 ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนที่จะเพิ่มยอดผู้ใช้บริการอีก 150,000 ราย โดย ณ สิ้นปี 2551 มีการจ่ายเงินปันผลผ่าน e-Dividend รวมทั้งสิ้น 148,043 ล้านบาท ซึ่ง e-dividend ช่วยลดปัญหาเช็คไม่ถึงมือผู้ถือหุ้น หรือเช็คตีคืนที่ปัจจุบันมีจำนวนถึง 105,664 ฉบับ คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 122.8 ล้านบาท
และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือหุ้นมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างเตรียมใช้ระบบการโอนเงินระหว่างสาขาของธนาคารเดียวกัน หรือ Direct Credit สำหรับการโอนเงินปันผลเกิน 2 ล้านบาทให้ผู้ถือหุ้นแทนเช็ค โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยลดจำนวนรายการจ่ายเช็คเงินปันผลเกิน 2 ล้านบาทได้กว่าร้อยละ 20
พร้อมกันนี้ ตลท.ยังเชิญชวนผู้ลงทุนรับโปรโมชั่นพิเศษจากโครงการ e- Dividend ร่วมกับธนาคารชั้นนำ 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด โดยผู้สมัครใช้บริการรายใหม่ จะได้รับของสมนาคุณพิเศษ อาทิ กระเป๋าเอนกประสงค์ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี หรือ Flash Drive เป็นต้น ผู้สนใจสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2552 ที่ธนาคารทั้ง 6 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์ที่ผู้ถือหุ้นเปิดบัญชีซื้อขาย และ เคาน์เตอร์เซอร์วิส ชั้น 1 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ